น้ำมันหมู VS น้ำมันพืช กินอย่างไหนดี

น้ำมันทุกชนิดทำร้ายสุขภาพได้ทั้งนั้น หากกินมากเกินไปหรือใช้ปรุงอาหารไม่เป็น http://winne.ws/n5975

926 ผู้เข้าชม
น้ำมันหมู VS น้ำมันพืช กินอย่างไหนดี

 กินน้ำมันจำเป็นแค่ไหน

สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุชัดว่า หากอยากมีสุขภาพแข็งแรง ทุกเพศทุกวัย ควรกินไขมันแต่น้อยเท่าที่จำเป็น หมายความว่าใน 1 วัน ไม่ใช้น้ำมันปรุงอาหารก็ย่อมได้ ใช้วิธีปรุงสุกด้วยวิธีต้ม อบ ตุ๋น นึ่ง ยำ แทน เพราะแม้ไม่ได้กินน้ำมันจากขวด ร่างกายก็ได้รับไขมันจากอาหารเพียงพออยู่แล้ว

ตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลาสุก เนื้อกุ้งสุก 2 ช้อนโต๊ะ ให้ไขมันประมาณ 1 กรัม , เนื้อสัตว์ไขมันสูง เช่น หมูบดสุก 2 ช้อนโต๊ะให้ไขมันถึง 8 กรัม (กินไขมัน 5 กรัม เท่ากับ ซดน้ำมัน 1 ช้อนชา)



ภาพจาก men.sanook.com

น้ำมันหมู VS น้ำมันพืช กินอย่างไหนดี

ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้ของน้ำมันหมู

น้ำมันหมูมีข้อดีที่ผลิตได้ง่ายกว่าน้ำมันพืช เพียงนำมันหมูแข็งสีขาวมาเจียวก็ได้น้ำมันไว้ใช้แล้ว ต่างจากน้ำมันพืชที่ต้องผ่านกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมหลายขั้นตอน ทำให้หลายคนเชื่อว่า อาจเกิดการปนเปื้อนสารเคมี จึงสรุปว่าน้ำมันหมูมีความปลอดภัยกว่า

และน้ำมันหมูยังมีจุดเกิดควันสูง (Smoke Point) เมื่อนำไปปรุงอาหารประเภททอดซึ่งใช้ความร้อนสูงจึงไม่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็ง

แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีการศึกษาหลายแห่ง ยืนยันว่า น้ำมันหมูนั้นมีไขมันเลว เช่น คอเลสเตอรอลและกรดไขมันอิ่มตัวปริมาณสูง หากกินเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด ทั้ง โรคหัวใจ ภาวะไขมันในเลือดสูง และโรคมะเร็ง

ภาพจาก www.thaihealth.or.th

น้ำมันหมู VS น้ำมันพืช กินอย่างไหนดี

ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้ของน้ำมันพืช

น้ำมันพืชมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ปราศจากไขมันอันตราย แต่บางชนิดมีจุดเกิดควันต่ำมาก หากนำมาทอดอาหารจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งทำลายสุขภาพได้

นอกจากนี้ น้ำมันพืชยังมีหลายชนิดให้เราเลือกใช้ อาทิ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว แต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ดังเช่น

น้ำมันถั่วเหลือง และ น้ำมันรำข้าว มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งสูง ไขมันอิ่มตัวต่ำ จึงมีคุณสมบัติช่วยลดไขมันร้ายชนิดแอลดีแอล แต่มีข้อเสียที่ลดไขมันดี ชนิดเอสดีแอลที่ช่วยนำไขมันส่วนเกินไปกำจัดที่ตับด้วย  มีจุดเกิดควันต่ำ เหมาะสำหรับผัดโดยใช้ไฟอ่อน

น้ำมันมะกอก มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว 1 ตำแหน่งสูง ไขมันอิ่มตัวต่ำ จึงช่วยลดไขมันร้ายโดยไม่ลดไขมันดี ทั้งมีสัดส่วนของกรดไขมันโอเมก้า และโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เหมาะสมเหนือกว่าน้ำมันชนิดอื่น จึงช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล   น้ำมันมะกอกมีจุดเกิดควัน เหมาะสำหรับปรุงอาหารประเภทผัดไฟอ่อน หรือเป็นส่วนผสมในน้ำสลัด จึงจะให้คุณค่าทางโภชนาการสูง หากใช้ผิดวิธี ผัดไฟแรงหรือทอดอาจทำให้น้ำมันดีกลายเป็นน้ำมันก่อโรค ก่อมะเร็งได้

น้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าว มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงคล้ายน้ำมันหมู จึงมีจุดเกิดควันสูง เมื่อใช้ทอดอาหารจึงไม่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็ง



น้ำมันหมู VS น้ำมันพืช กินอย่างไหนดี

ดร.เนตรนภิส วัฒนสุชาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความเห็นเพิ่มเติมว่า

“ทั้งน้ำมันพืชและมันหมู ต่างก็เป็นไขมันที่ไม่ควรกินมาก ถ้ารักสุขภาพไม่ควรกินของทอดอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องนำน้ำมันหมูไปคลุกข้าวกิน หรือผัดผักทุกวัน แต่สามารถใช้น้ำมันมะกอกคลุกข้าว ทำน้ำสลัด หรือใช้น้ำมันรำข้าวผัดผักจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า

“หรือใครกลัวว่า กระบวนการผลิตน้ำมันพืชจะปนเปื้อนสารเคมี แม้จะมีตรามาตรฐานรับรองก็ยังไม่วางใจ ก็ไม่ต้องใช้น้ำมันปรุงอาหาร กินเมล็ดพืชที่อุดมด้วยไขมันดีแทน จากแฟล็กซีด ถั่ว งา ธัญพืชต่าง ๆ กินหมุนเวียนกันให้ไม่ซ้ำเป็นใช้ได้”

" กินอาหารไขมันสูงแต่น้อย ออกกำลังกายเป็นประจำ เพียงเท่านี้ ก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรังต่างๆได้มากโขแล้ว"


ที่มาhttp://www.cheewajit.com/diet/diy-08022016-1/

แชร์