"ตับ" เป็นอวัยวะที่แข็งแรงมากและใหญ่ที่สุดของร่างกายและสำคัญมาก ๆ ไม่แพ้หัวใจและสมอง
ตับ เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ตับของผู้ใหญ่จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 1.5 กิโลกรัม และที่น่าสนใจมากก็คือ ปริมาณโลหิตในร่างกายทั้งหมดซึ่งมีประมาณ 5,000 ซีซี. (5 ลิตร) จะไหลเวียนผ่านตับ 1 รอบใช้เวลาเพียง 4-5 นาทีเท่านั้น http://winne.ws/n7218
ตับ เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ตับของผู้ใหญ่จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 1.5 กิโลกรัม และที่น่าสนใจมากก็คือ ปริมาณโลหิตในร่างกายทั้งหมดซึ่งมีประมาณ 5,000 ซีซี. (5 ลิตร) จะไหลเวียนผ่านตับ 1 รอบใช้เวลาเพียง 4-5 นาทีเท่านั้น หรือ
อาจกล่าวให้น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกว่า ตับเป็นอวัยวะที่มีเลือดในร่างกายไหลผ่านถึงวันละ 360 รอบ คิดเป็นจำนวนเลือดที่ไหลผ่านมีปริมาณมากถึงวันละ 1,800 ลิตร (คิดเป็นน้ำหนักถึง 1.8 ตัน) ถ้าเปรียบตับเป็นเครื่องยนต์ก็ต้องถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ทำงานหนักที่สุด เพราะทำงานต่อเนื่องนานหลายสิบปีโดยไม่หยุดเลย
ตับเป็นอวัยวะที่มีความแข็งแรงมาก และจะต้องทำงานไปตลอดอายุขัยของเจ้าของ ถ้าจะกล่าวถึงหน้าที่ของตับแล้วนับว่ามากมายทีเดียว ตับเป็นทั้งอวัยวะแห่งการสร้าง ซ่อมแซม ควบคุม เก็บกัก และขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งสามารถกล่าวโดยย่อดังนี้
• อวัยวะแห่งการสร้าง ตับสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย สร้างโปรตีนหลายชนิดเพื่อให้ร่างกายนำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างน้ำย่อยที่เรียกว่าน้ำดีไว้ใช้ย่อยอาหารในลำไส้ แม้กระทั่งสร้างหรือสังเคราะห์ไขมันเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตฮอร์โมนไว้หล่อเลี้ยงระบบต่างๆในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เช่น ระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น
• ตับช่วยซ่อมแซม เช่นเมื่อเซลล์ของตับอ่อนถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพเนื่องจากอาการของโรคเบาหวาน ตับก็จะทำหน้าที่ช่วยพยุงให้ตับอ่อนสามารถทำงานต่อไปได้ และยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนให้กลับเป็นปกติได้ด้วย ดังนั้น ถ้าตับมีสุขภาพดีการควบคุมน้ำตาลในเลือดก็จะดีตามไปด้วยเพาะตับอ่อนมีสุขภาพดีนั่นเอง โรคเบาหวานจึงเป็นโรคที่สามารถควบคุมได้ถ้ามีตับที่แข็งแรง
• ตับช่วยควบคุม เช่นควบคุมการใช้พลังงานของร่างกาย ควบคุมการขับสารพิษให้ออกจากร่างกาย ควบคุมการนำสารอาหารที่ย่อยแล้วจากลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายอย่างเหมาะสมซึ่งเป็นกลไกที่มีความสำคัญที่สุดของการมีสุขภาพดี
• ตับช่วยเก็บกัก เช่น เก็บพลังงานไว้ใช้ในยามจำเป็นเมื่อประสบภัยอย่างกระทันหันร่างกายจะมีพละกำลังมหาศาล เช่นยกตู้เย็นวิ่งหนีไฟไหม้เป็นต้น นอกจากนั้นตับยังทำหน้าที่เก็บสะสมวิตามินและเกลือแร่มากมายไว้ให้ร่างกายได้ใช้ในทุกกิจกรรม
• ตับขับของเสียออกจากร่างกาย สารอาหารที่ย่อยแล้วถ้ามีปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ตับจะถือว่าเป็นสารพิษที่ต้องขับทิ้งออกจากร่างกาย แต่ถ้าอาหารเหล่านั้นมีปริมาณมากเกินกว่าที่ตับจะสามารถขับทิ้งได้หมดตับก็จะเฉื่อยชาและเริ่มเสื่อมสภาพ สารพิษหรืออาหารเหล่านั้นก็จะแทรกตัวเข้ากระแสเลือดเข้าสู่ร่างกาย นี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพ และนำมาซึ่งโรคภัยร้ายแรงในที่สุด เช่น เริ่มจากมีน้ำหนักตัวเกิน ไขมันในเลือดเริ่มสูง มีความดันโลหิตสูงตามมา เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ สมองขาดเลือด ต้อกระจก และโรคไตวาย ตามลำดับ และอาจมีกลุ่มอาการของโรคอื่นแทรกขึ้นมาอีกก็ได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคตับ หรือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง หรือโรคภูมิแพ้ เป็นต้น
ตับจึงเป็นอวัยวะที่ต้องเอาใจใส่เพราะการมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีสุขภาพแข็งแรงนั้นต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพของตับเป็นสำคัญ หลายคนเข้าใจผิดไปให้ความสำคัญกับสมองและหัวใจมากกว่า พยายามหาอาหารเสริมราคาแพงมาบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วตับเป็นอวัยวะที่หล่อเลี้ยงสมองและหัวใจ การดูแลตับให้แข็งแรงมีวิธีเดียวคือการมีโภชนาการที่สมดุลและเพียงพอ กินอาหารที่ปรุงแต่งน้อยและเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด ตับต้องการพลังงานจากอาหารไม่มากเพราะตับสามารถสร้างพลังงานได้เอง แต่ตับต้องการเกลือแร่ วิตามิน สารจากธรรมชาติ ( Phyto-nutrients ) และโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้การทำงานของตับดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด
เราทราบว่าโดยธรรมชาติแล้วตับเป็นอวัยวะที่มีความแข็งแรงมาก เพราะกว่าจะทราบว่าตับมีปัญหาก็ต่อเมื่อร่างกายมีอาการของโรคปรากฎขึ้นแล้วทั้งนั้น เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด โรคหัวใจ สมองขาดเลือด โรคมะเร็งตับ เป็นต้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องดูแลสุขภาพตับให้มั่นใจว่าแข็งแรงจริง ๆ
อวัยยะภายในร่างกายของมนุษย์
ไต ได้ชื่อว่าเป็นอวัยวะที่รักษาความสมดุลของร่างกายที่ดีที่สุด คือขับของเสียออกจากร่างกาย ควบคุมระดับน้ำ เกลือแร่ และสารอื่น ๆ ที่มีมากเกินไปในร่างกาย ควบคุมโลหิต สร้างเม็ดโลหิตและควบคุมระดับของแคลเซียม และฟอสฟอรัสในเลือด ซึ่งมีผลต่อกระดูก ถ้าไตไม่ทำงานมีผลทำให้ร่างกายมีของเสียคั่งค้างอยู่มาก เซลล์ทำงานได้ไม่ปกติ มีน้ำ เกลือแร่ คั่งอยู่ในร่างกาย มีความดันโลหิตสูง โลหิตจาง กระดูกเปราะง่าย เป็นต้น และ
บางครั้งอาการเหล่านี้อาจทำให้เสียชีวิตได้ การเสียหน้าที่ของไต จากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง เมื่อถึงระดับที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการประคับประคอง (Conservative treatment) เช่นการรับประทานยา การควบคุมเรื่องอาหาร ผู้ป่วยจะต้องได้รับการักษาอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่หากอยู่ในขั้นระยะสุดท้าย เช่นเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จะต้องรักษาโดยการใช้การบำบัดรักษาทดแทนไต เช่น การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
การดูแลรักษาทั้งตับและไตใช้วิธีเดียวกันคือ
1. กินอาหารที่มีสารอาหารสมดุล พิสูจน์มาเกือบ 10 ปีแล้วว่าผลิตภัณฑ์อาหารธัญพืชของซีเกรนทุกผลิตภัณฑ์มีส่วนทำให้ทั้งตับและไตทำงานดีขึ้นถ้ากินอย่างสม่ำเสมอ
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอวันละ 30 นาทีแล้วพักผ่อนเพียงพอโดยเฉพาะการนอนหลับต้องให้หลับสนิทระหว่างสองยามถึงตีสี่เป็นอย่างน้อยเพราะเป็นเวลาทองที่ระบบในร่างกายกำลังซ่อมตับและไตให้แข็งแรง
3. อย่าเครียด เมื่อใดที่รู้สึกเครียดอารมณ์ไม่ปกติ พยายามแก้เครียดด้วยวิธีการต่าง ๆ แล้วแต่จะทำได้ซึ่งมีหลายวิธี เช่น ออกจากเหตุการณ์ที่ทำให้เครียดไปเลย หรือเปลี่ยนบรรยากาศ ดูหนังสนุกๆ ฟังเพลง อ่านหนังสือที่ทำให้สบายใจ ทำสมาธิ ออกกำลังกาย หรือเอารูปหน้าคนที่ทำให้เครียดแปะไว้ที่ต้นกล้วยแล้วเตะเช้าเตะเย็น ก็ช่วยได้เยอะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.zegrain.com/view-topic.asp?ID=1396
อาหารบำรุงตับ
เมนู 5 ชนิด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้เลือกรับประทาน แล้วทำให้ตับมีสุขภาพดีขึ้น
1. ซุปรวมเห็ดล้างไขมันในตับ เห็ดช่วยล้างสารพิษ แต่คุณควรกินเห็ดสามชนิดขึ้นไป โดยให้นำเห็ดมาแช่ให้นิ่ม หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วต้มกับมะตูมแห้ง ใบเตย หรืออาจนำไปต้มกับสาหร่ายทะเล ทานแทนซุปร่วมกับอาหารในแต่ละมื้อ ทั้งนี้ยังช่วยลดไขมันที่สะสมอยู่ในตับและกระแสเลือด ต่อต้านการก่อตัวของมะเร็ง ลดอนุมูลอิสระ การเกิดซีสต์ ถุงน้ำ เนื้องอก ช่วยสลายเยื่อพังผืดในช่องท้อง อุ้งเชิงกราน มดลูก ทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว
2. ขมิ้นชันขับพิษสะสมในตับ ขมิ้นชันจะช่วยบำรุง ฟื้นฟู และล้างสารพิษออกจากตับได้ วิธีที่แนะนำคือ ให้ทานในลักษณะแคปซูล ทำให้ทานง่ายขึ้น
3. เก๋ากี้ปกป้องตับยกระดับความแข็งแรง เก๋ากี้ มีเบต้าแคโรทีน กรดกำมะถัน เอมีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินอี และวิตามินบี 2 ซึ่งมีส่วนในการเสริมภูมิต้านทานโรค เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว ลดน้ำตาลและไขมันในเลือด ป้องกันไขมันพอกตับ ช่วยให้ตับทำงานดีขึ้น วิธีการนำมารับประทาน เพียงแค่ต้มดื่มร้อนๆก็ได้
4. กะหล่ำปลีต่อต้านมะเร็งในตับ กะหล่ำปลีช่วยเพิ่มสารกลูตาไทโอน ที่ล้างพิษจากควันไอเสียและยา ซึ่งทำให้ตับพิการได้ และยังมีสารอินโดลฟลาโวนอยด์ คาร์บินอล ซัลฟาราเฟน กลูโคซิโนเลต เบต้าแคโรทีน กรดโฟลิก ช่วยต้านการก่อตัวของมะเร็ง บำรุงไต ชะล้างสารพิษ ซึ่งอันนี้เราอาจจะนำมาผัดเป็นอาหาร หรือนำมาผสมกับผลไม้อื่น เป็นคอกเทลก็ได้
5. มะขามป้อมแอนตี้ไวรัสตับ มะขามป้อมอุดมไปด้วยวิตามินซีมากกว่าแอปเปิ้ลถึง 160 เท่า และแม้จะถูกทำให้แห้งหรือแช่เย็นเป็นเวลานาน ๆ เท่าใด วิตามินซีก็จะยังคงอยู่ เพราะมะขามป้อมมีสารแทนนิน และโพลีฟีนอลที่ช่วยป้องกันการออกซิไดซ์ของวิตามินซี ซึ่งมะขามป้อมจะช่วยรักษาอาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ป้องกันการเกิดพิษโลหะหนัก ต่อตับ และยับยั้งการเกิดมะเร็งตับได้ การทานมะขามป้อมนั้นก็ง่ายเช่นกัน โดยนำมาคั้นดื่มเหมือนน้ำผลไม้ทั่วไป
ซึ่งอาหารที่กล่าวมาข้างต้น นั้นคุณอาจเลือกนำไปประกอบอย่างอื่นก็ได้ เพื่อความสะดวกในการรับประทานของตัวท่านเอง เพื่อตับที่แข็งแรง มีอายุยืนยาว
ข้อมูลและรูปภาพจาก : http://todayhealth.org/
ขอบคุณที่มา http://guru.sanook.com/26758/