พระปัจเจกพุทธเจ้า แตกต่างจากพระพุทธเจ้าอย่างไร ? และจะอุบัติขึ้นบนโลกนี้เมื่อใด ?
เมื่อโลกไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น : พระปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสรู้เฉพาะตัว มิได้ประกาศพระพุทธศาสนา ยินดีอยู่วิเวกตามลำพัง จึงประจำอยู่แต่ในป่า นาน ๆ จึงจะเข้าเมืองเพื่อบิณฑบาตสักครั้ง แตกต่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ http://winne.ws/n7614
เมื่อโลกไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น : อัครทักขิไณยบุคคล พระปัจเจกพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้า ประเภทหนึ่ง ที่ตรัสรู้เฉพาะตัว มิได้ประกาศพระพุทธศาสนา ที่เรียกดังนี้เพราะเมื่อท่านได้ตรัสรู้แล้วเกิดอัปโปสุกกธรรม คือ ไม่ขวนขวายที่จะแสดงธรรม ยินดีอยู่วิเวกตามลำพัง จึงประจำอยู่แต่ในป่า นาน ๆ จึงจะเข้าเมืองเพื่อบิณฑบาตสักครั้ง
พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ใช้เวลาบำเพ็ญบารมียาวนานถึง 2 อสงไขยแสนกัป (อสงไขย เท่ากับ 1 ตามด้วยเลข 0 จำนวน 140 ตัว)และตรัสรู้ อริยสัจ 4 ด้วยพระองค์เองเช่นเดียวกับพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า แต่จะเสด็จมาตรัสรู้ในคราวที่โลกว่างเว้น ศาสนาพุทธ และมาตรัสรู้ได้หลายพระองค์ในสมัยเดียวกัน แต่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น มิได้ทรงประกาศพระศาสนาเกิดสาวกพุทธบริษัทเหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ใน ปรมัตถโชติกา อรรถกถาสุตตนิบาตอธิบายว่า การบรรลุธรรมของพระปัจเจกพุทธเจ้า เปรียบเสมือนรสกับข้าวที่พรานป่าได้ลิ้มในเมือง ฉะนั้น จึงไม่อาจสอนให้บุคคลอื่นรู้ตามตนได้ (คือสอนได้แต่ไม่อาจให้รู้ตามได้) ไม่ก่อตั้งหรือสถาปนาในรูปสถาบันศาสนา แต่เน้นอนุโมทนาแก่ผู้ถวายทานให้ท่าน จะอุบัติขึ้นในช่วงระหว่างพุทธันดร กล่าวคือ เป็นช่วงเวลาที่โลกว่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พุทธันดรคือ ระยะเวลาจากพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ถึง พระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งเปรียบเหมือนช่วงระหว่างเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งถึงเสาไฟฟ้าอีกต้นหนึ่ง แต่พุทธันดรจะยาวนานมากจนนับไม่ได้ว่ากี่ปีกี่เดือน กี่อสงไขย)
อัครทักขิไณยบุคคล พระปัจเจกพุทธเจ้า
การที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาอุบัติตรัสรู้ขึ้นมาสักพระองค์หนึ่ง เป็นสิ่งที่ยากเหลือคณาเพราะกว่าที่พระโพธิสัตว์จะบำเพ็ญบารมี ๓o ทัศให้เต็มบริบูรณ์นั้นอย่างน้อยที่สุดจะต้องใช้เวลา นานถึง ๒๐ อสงไขยกำไรแสนกัป แล้วในเวลาที่ว่างเว้นพระศาสนา ซึ่งในบางครั้งยาวนานมาก ๆ สัตว์โลกที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสาร ต้องมืดมนอธกาลขาดที่พึ่ง ต้องอยู่ในอบายภูมิเป็นจำนวนมาก
การอุบัติขึ้นของพระปัจเจกพุทธเจ้าในระหว่างที่ว่างเว้นพระศาสนาหรือเรียกว่าพุทธันดรนั้น นับว่าเป็นโชคมหาศาลของผู้ที่เกิดในยุคนั้น เพราะพระปัจเจกพุทธเจ้าย่อมมาสงเคราะห์สัตว์โลก ให้ตั้งอยู่ในทาน ในศีลเมื่อละร่างกายไปแล้ว ย่อมสู่สุขติภูมิ มีสวรรค์ เป็นต้น ให้บุคคลที่ตกยากแต่มีศรัทธาเต็มเปี่ยมได้เป็น เศรษฐีด้วยการออกจากนิโรธสมาบัติแล้วมาสงเคราะห์บิณฑบาต
พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงเป็นเอกควรแก่การได้รัยไทยธรรมที่เขานำมาถวายหรือจะเรียกว่า ''อัครทักขิไณยบุคคล'' ในยุคพุทธันดรอย่างแท้จริง เพราะในยุคนั้นไม่มีใครเปรียบเสมอเหมือน
ดังนั้น ในปัจจุบันนี้ ยังอยู่ในช่วงของพระสมณโคดมพุทธเจ้า จึงไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้น บนโลกนี้
พระปัจเจกพุทธเจ้าแต่ละองค์มีประวัติคล้ายกัน คือ
เป็นมาจากกษัตริย์ พราหมณ์ หรือคหบดี ในสมัยโบราณที่เบื่อหน่ายในโลกิยสมบัติ ได้ออกบวชศึกษาพระธรรมจนบรรลุพระปัจเจกโพธิญาณ เมื่อบรรลุพระปัจเจกโพธิญาณแล้ว ก็ไปชุมนุมที่เขาคันธมาทน์ ซึ่งเป็นยอดเขาแห่งหนึ่งในป่าหิมพานต์ หรือหิมาลัย มีฝูงช้างฉัททันต์คอยปรนนิบัติอยู่เป็นนิจ
คุณลักษณะพิเศษที่สำคัญประการหนึ่งของพระปัจเจกพุทธเจ้าคือ
การดำเนินชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว หรือการดำเนินชีวิตอยู่เพียงลำพัง (เอกะ) ในวรรณคดีพระพุทธศาสนา เปรียบเทียบ การดำเนินชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวของพระปัจเจกพุทธเจ้า เหมือนกับนอแรด (ขคฺควิสาณกปฺโป) ซึ่งแรดของอินเดียมีเพียงนอเดียว ส่วนแรดในประเทศอื่นมี 2 นอก็มี แต่กระนั้นก็ตาม พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ต้องมาประชุมพร้อมกันเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน คือในวันที่พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ใหม่อุบัติขึ้นและในวันอุโบสถ
ปัจเจกพุทธเจ้ามีเป็นจำนวนมาก ดังเช่นบางตำนานว่า ท่านอยู่กันที่ เขาคันธมาทน์ประมาณ 500 รูป เพราะไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะบ่อยนัก และไม่แสดงธรรม พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงไม่ปรากฏชื่อไปด้วย
พระพุทธองค์ตรัสแก่พระอานนท์ในคัมภีร์ปัจเจกพุทธาปธานว่า
"ในโลกทั้งปวง เว้นเราแล้ว ไม่มีใครเสมอพระปัจเจกพุทธเจ้าเลย"
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก https://th.wikipedia.org/wiki/พระปัจเจกพุทธเจ้า
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก เว็บฟอรัมอภิญญา.คอม