สาหร่ายพวงองุ่น พืชน้ำเค็ม เลี้ยงเชิงพาณิชย์ ราคา 500 บาท/กก.
วิธีเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น การทำฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่น พืชเศรษฐกิจมาแรง และตัวอย่างเมนู http://winne.ws/n6749
"สาหร่ายพวงองุ่น” เป็นพืชน้ำเค็มอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ เนื่องจากอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารสูงมีส่วนประกอบของเกลือแร่และวิตามินหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี1 บี2 วิตามินอี และมีเบต้าแคโรทีนอีกทั้งยังอุดมไปด้วยไอโอดีน ฟอสฟอรัส สังกะสี แคลเซียม และกรดอะมิโนจำเป็นเกือบ 40เปอร์เซ็นต์ ใกล้เคียงกับไข่และโปรตีนถั่วเหลือง จัดเป็น 1 ใน 5 อาหารแนะนำสำหรับคนรักสุขภาพแต่ทว่าเกษตรกรผู้ปลูกยังมีไม่มาก ทำให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรีได้มีการจัดอบรมเเละส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูก “สาหร่ายพวงองุ่น”เชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกร
สาหร่ายพวงองุ่นเป็นสาหร่ายที่แพร่กระจายในเขตร้อนแถบมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิกซึ่งประเทศหลัก ๆ ที่พบสาหร่ายชนิดนี้ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนามญี่ปุ่น ไทย และปาปัวนิวกินีนอกจากนี้ยังพบการแพร่กระจายตามชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกา ได้แก่ แอฟริกาใต้โมซัมบิก มาดากัสการ์ แทนซาเนีย เคนยา มอริเชียสและโซมาเลียสำหรับประเทศไทยนั้นพบมากตามชายฝั่งทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออกแต่ในปัจจุบันได้มีการแพร่ขยายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทยตอนบน
กรมประมง ได้มีการริเริ่มเลี้ยงสาหร่ายชนิดนี้ตั้งแต่ปี 2536 โดยสถานีวิจัยประมงชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรีในขณะนั้นรับพันธุ์มาจากอาจารย์กาญจนา ลิ่วมโนมนต์ คณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์รับมาเพื่อปรับปรุงสภาพน้ำทางชีวภาพเพื่อใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงสัตว์น้ำ ต่อมาในปี2557 ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรีได้รับมอบหมายให้พัฒนาเทคนิคการเลี้ยงเพื่อการขยายผลเชิงพาณิชย์ศูนย์จึงนำองค์ความรู้ที่สะสมมามากกว่า 10 ปีพัฒนารูปแบบการผลิตสาหร่ายพวงองุ่นแบบครบวงจรจนในปัจจุบันสามารถเลี้ยงให้มีปริมาณมากและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้สม่ำเสมอ คุณภาพดีสะอาด พร้อมที่จะขยายผลเชิงพาณิชย์สู่เกษตรกรและผู้ประกอบการเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงสร้างอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อไป
ภาพการเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นที่ญี่ปุ่น
คุณอนันต์ ศรีนวล หรือคุณเอ็ม เจ้าของฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่นคุณเอ็มเลขที่ 118หมู่ 1 ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลมจังหวัดเพชรบุรี (โทร. 08-9379-4473) ให้ข้อมูลกับทางเกษตรกรก้าวหน้าว่าเริ่มการทำฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่นมาได้ 2 ปีแล้วเดิมทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กรมประมงในศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรี ตอนนั้นผู้อำนวยการศูนย์ท่านได้สาหร่ายพันธุ์ตัวใหม่ที่พึ่งนำเข้ามา ซึ่งจริง ๆ สาหร่ายพวงองุ่นมีมานานแล้วแต่พันธุ์ที่ได้มาคือเป็นพันธุ์ที่ท่านนำไปขยายพันธุ์ให้ลี้ยงแบบเชิงพาณิชย์ได้ท่านเลยชวนให้มาทำฟาร์มตัวอย่าง ตรงนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มทำฟาร์ม
“เริ่มแรกก็ทำฟาร์มควบคู่ไปกับการทำงานประจำจนสุดท้ายก็ลาออกมาทำฟาร์มเป็นหลัก สาเหตุที่ทำให้ลาออกมาทำฟาร์มแบบเต็มตัวเนื่องจากว่าสาหร่ายตัวนี้เป็นสาหร่ายที่ต้องการการดูแลสูงต้องเอาใจใส่มากเป็นพิเศษการที่จะทำงานไปด้วยและทำฟาร์มไปด้วยจะทำให้ไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลได้ต้องคอยดูแลทั้งวัน เปลี่ยนน้ำ ดูสีของตัวสาหร่าย ดูสภาพอากาศถ้าทำงานที่กรมด้วยก็จะดูแลได้ไม่ดีพอ”
สาหร่ายพวงองุ่นเป็นสาหร่ายทะเลสีเขียว มีลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็กรวมกันเป็นช่อคล้ายพวงองุ่น ซึ่งสาหร่ายชนิดนี้มีส่วนคล้ายลำต้นที่เรียกว่าทัลลัส เป็นท่อติดต่อกันตลอด ประกอบด้วยส่วนที่คืบคลานไปตามพื้นและแตกแขนงได้มีส่วนคล้ายรากเป็นฝอยทำหน้าที่ยึดเกาะ มีส่วนของแขนงตั้งตรงสูง 1-10 เซนติเมตรที่จะประกอบด้วยรามูลัสทำหน้าที่คล้ายใบล้อมรอบแต่ละรามูลัส มีก้านสั้น ๆและส่วนปลายมีลักษณะเป็นเม็ดกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2 มิลลิเมตรเบียดแน่นรอบแขนงทำให้มีลักษณะคล้ายช่อองุ่น สามารถปลูกได้หลายพื้นที่ซึ่งคุณเอ็มเองก็มีลูกค้าในหลายจังหวัดที่ทดลองนำไปปลูก ก็ปลูกขึ้นแต่จะขึ้นเฉพาะช่วงหน้าหนาวพอหลุดหน้าหนาวไปแล้วที่อื่นก็จะปลูกไม่ขึ้นนอกจากเพชรบุรี อาจจะเป็นที่สภาพน้ำและอากาศของที่นี้น่าจะเหมาะกับการปลูกสาหร่ายพวงองุ่นมากกว่าที่อื่นหากจะให้ดีก็ควรปลูกในพื้นที่ติดชายฝั่ง เนื่องจากเป็นสาหร่ายน้ำเค็มจึงต้องใช้น้ำเค็มในการเลี้ยง ถ้าใช้เกลือทะเลแทนน้ำเค็มมันก็ใช้ได้แต่จะได้แค่รักษาสภาพ สาหร่ายจะไม่โต เพราะสารอาหารไม่เพียงพอ
ภาพการเพาะสาหร่ายพวงองุ่น
“การเลี้ยงสาหร่ายเราสามารถเลือกที่จะปลูกได้ 2 แบบแบบโปรยพื้นบ่อ กับแบบแขวนแผง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของแต่ละคนอย่างที่ฟาร์มจะปลูกแบบโปรยพื้นบ่อ คือการใช้ทรายรองพื้นบ่อแล้วปล่อยสาหร่ายลงบ่อได้เลย โชคดีที่ทรายที่นี้เป็นทรายร่วนจึงไม่มีปัญหาเรื่องความสกปรก ปล่อยลงบ่อได้เลย หากเป็นพื้นที่ทรายโคลนหรือทรายสกปก ก็จะแนะนำให้ใช้วิธีปลูกแบบแขวนแผงเพราะสาหร่ายจะได้ไม่สัมผัสกับทรายโดยตรง ระยะเวลาเติบโตของสาหร่ายก็อยู่ที่ประมาณ45 วัน การดูแลจะยุ่งยากหน่อย คนที่จะปลูกได้ต้องมีพื้นฐานทางด้านการประมงเพราะต้องคอยดูสีน้ำ ค่าความเค็ม ค่า ph รวมถึงต้องคอยดูแลอุณหภูมิ ถ้าเป็นเกษตรกรที่ไม่เคยมีความรู้จะปลูกยากเพราะต้องตรวจสอบตลอด ตรวจทุกวัน จะมีความซับซ้อนมาก”
ภาพการเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นในกะละมัง
คุณเอ็มบอกว่าการพัฒนาฟาร์มจะทำแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ทำไปเรื่อยๆ เนื่องจากสาหร่ายตัวนี้ต้องมีพื้นที่มากถึงจะปลูกได้ดี และพัฒนาได้เร็วเพราะต้องปลูกแบบเรียงไปเรื่อย ๆ ไม่ให้ซ้ำกัน อีกอย่าง 1 บ่อจะต้องปลูกสาหร่าย1 ปีแล้วพักบ่อ 1 ปีเนื่องจากสาหร่ายจะดูดซึมแร่ธาตุจากดินหมด หากฝื้นปลูกต่อไปก็จะได้สาหร่ายที่ไม่มีคุณภาพ จึงต้องทำการพักบ่อ โดยการปล่อยให้บ่อตากแดดทิ้งไวแล้วคอยปล่อยน้ำเข้าน้ำออก เพื่อให้ดินกักธาตุอาหารสะสมไว้ปลูกรุ่นต่อไปได้ซึ่งสาหร่ายตัวนี้จะบอบบางมาก หากอุณหภูมิหรือค่าอะไรบางอย่างผิดพลาดไปจะทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงการเปลี่ยนเป็นสีแดงคือจะเป็นสีที่เขาโตเต็มวัย ซึ่งจะหมายถึงสาหร่ายแก่จัดส่วนสีเขียวที่นิยมรับประทานกันนั้นจะเป็นสาหร่ายที่ยังอ่อนอยู่ จริง ๆสีแดงก็สามารถรับประทานได้แต่คนจะไม่นิยม เพราะสีไม่สวยดูไม่น่ารับประทานเหมือนสีเขียว ฉะนั้นหากสาหร่ายกลายเป็นสีแดงก็จะไม่สามารถขายได้ ต้องเททิ้งอย่างเดียว
การเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นในไทยเลี้ยงได้ทั้งอ่าวไทยและอันดามันในภาพเป็นจ.สมุทรสาคร
“ปัจจัยแวดล้อมที่เหมาะสมกับการปลูกสาหร่ายพวงองุ่น คือระดับความเค็มซึ่งความเค็มที่เหมาะสมที่สุดอยู่ระหว่าง 27-33 ส่วนในพันส่วนส่วนระดับความลึกของบ่อ อยู่ที่จำนวนสาหร่ายและขนาดบ่อซึ่งควรให้มีระดับความลึกของน้ำขึ้นอยู่ในระดับที่แสงส่องถึงสาหร่ายหากกรณีปลูกแบบแผง ควรปรับระดับความลึกของแผงให้ต่ำกว่าผิวน้ำประมาณ 30 เซนติเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาลหากเป็นฤดูร้อนที่มีแสงแดดจัดควรเพิ่มระดับความลึกของแผงสาหร่ายโดยอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 25-30 องศาเซลเซียสควรมีค่าความเป็นด่าว ในช่วง 120-140 มิลลิกรัม/ลิตรถ้าความด่างต่ำจะส่งผลให้สาหร่ายขาดธาตุอาหารและค่าความขุ่นใส ที่อยู่ในช่วง 30-60เซนติเมตร ความขุ่นที่เกิดจากตะกอนมีผลต่อสาหร่ายโดยตะกอนจะเข้าไปเกาะที่สาหร่ายส่งผลต่อการสังเคราะห์แสงนอกจากนี้ยังบดบังแสงที่ส่องลงไปในน้ำ ทำให้อัตราการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายลดลงซึ่งแอมโมเนียก็ไม่ควรต่ำกว่า 0.05 มิลลิกรัม/ลิตรและให้ค่าฟอสเฟตไม่น้อยกว่า 0.01 มิลลิกรัม/ลิตร โดยค่า pHอยู่ในช่วง 6.3-8.9 จึงจะเหมาะสม”
ส่วนในเรื่องของการเตรียมบ่อและน้ำหากปลูกสาหร่ายในบ่อดินเป็นบ่อที่ขุดสร้างขึ้นโดยใช้ดินเป็นคันบ่อและพื้นก้นบ่อ ใช้ในการปลูกสาหร่ายทะเลขนาดไม่น้อยกว่า400ตารางเมตรหรือหากบ่อคอนกรีต เป็นบ่อที่สร้างขึ้นด้วยอิฐหรือเหล็กเป็นโคร่งร่าง ฉาบหรือหล่อด้วยซีเมนต์ ส่วนการเตรียมน้ำน้ำที่ใช้ปลูกสาหร่ายพวงองุ่น ควรเป็นน้ำทะเลธรรมชาติที่สะอาดปราศจากสิ่งปนเปื้อนจำพวกโลหะหนัก และมีคุณภาพน้ำอยู่ในช่วงที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสาหร่ายพวงองุ่นเติมน้ำความเค็ม27-33 ส่วนในพันส่วน ประมาณ 40 เซนติเมตรก่อนนำแผงสาหร่ายลงปลูก
ภาพวิธีตัดสาหร่ายพวงองุ่น
“การเลี้ยงที่ฟาร์มจะปลูกบ่อธรรมดา รองพื้นทรายและเอาสาหร่ายลงได้เลยสาหร่ายจะโตเอง เพียงแต่ต้องดูแลปัจจัยเรื่องน้ำอากาศให้ดีและจะต้องจำให้ได้ว่าบ่อนี้ลงสาหร่ายไว้วันที่เท่าไหร่ ตัดได้วันไหนซึ่งจะใช้วิธีการวางเป็นแนวตัดสลับกัน เพื่อให้มีสาหร่ายที่ส่งขายได้ต่อเนื่องพอครบทุก 45 วัน จึงจะเวียนกลับมาตัดแถวเดิมอีกครั้งจะลงปลูกไม่พร้อมกัน เพราะถ้าสาหร่ายมันแก่พร้อมกัน ตลาดจะหาไม่ทันก็ต้องปลูกล็อคหนึ่งเว้น 1 วัน เว้น 5 วันแบบนี้ จึงจะเก็บได้เรื่อย ๆ ตามออร์เดอร์ ซึ่งสาหร่ายตัวนี้ถือว่ายังใหม่มากจึงต้องใช้เทคนิคของฟาร์มเอง ผสมกับการดูแลที่ทางประมงให้ข้อมูลมา”
การนำสาหร่ายลงไปปลูกในบ่อ โดยใส่น้ำลงในบ่อให้มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นทำการรวบรวมสาหร่ายต้นอ่อนมาแผ่กระจายให้ทั่วพื้นบ่อ ไม่ให้ทับกัน เพื่อจะให้หาอาหารได้เพียงพอ เมื่อปลูกได้1 สัปดาห์ จะทำการเพิ่มน้ำให้อยู่ในระดับที่แสงส่องถึงขึ้นอยู่กับความโปร่งแสงของน้ำ และรักษาระดับความลึกของน้ำประมาณ 60-100 เซนติเมตร ส่วนเรื่องการตรวจสอบความเจริญเติบโตโดยทั่วไปหากสาหร่ายปรับตัวได้จะเห็นยอดอ่อนภายในเวลา 3-7 วันโดยระหว่างนี้มีการสุ่มชั่งน้ำหนักและวัดความยาว ทุกสัปดาห์ เมื่อครบ 45 วัน ก็จะถึงเวลาการเก็บเกี่ยวผลผลิต
“ระหว่างการปลูกจะมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์โดยการสูบน้ำเข้าบ่อเลี้ยงอย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์เพื่อให้สาหร่ายได้รับแร่ธาตุสารอาหาร กระตุ้นการเจริญเติบโต ทำให้น้ำหมุนเวียนสาหร่ายสามารถดูดซับอาหารได้ดีขึ้นหรือติดตั้งท่อน้ำเข้าออกแบบมีลิ้นปิดเปิดตามระดับน้ำธรรมชาติซึ่งความถี่ในการสูบน้ำเข้า จะขึ้นอยู่กับอายุการเลี้ยงและความหนาแน่นของสาหร่ายเพื่อเพิ่มสารอาหารตามธรรมชาติ ในฤดูฝนหรือช่วงอากาศร้อนจัดควรติดตั้งเครื่องตีน้ำรอบช้าหรือระบบยกน้ำเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนน้ำและป้องกันการแบ่งชั้นของน้ำและติดตั้งท่อระบายน้ำผิวบนออก”
ภาพตัวอย่างเมนูอาหารจากสาหร่ายพวงองุ่น
คุณเอ็มบอกว่าที่ฟาร์มจะขายสาหร่ายอยู่ 2 แบบ คือแบบเด็ดคัดยอดและแบบติดก้าน ซึ่งแบบเด็ดคัดยอดที่ขายทั่วไปพร้อมรับประทานตามตลาดซึ่งจะแย่งขายเป็นแบ่งเกรด มีทั้งหมด 2 เกรด คือเกรดเอขายในราคากิโลกรัมละ 500 บาท และเกรดบีราคากิโลกรัมละ 350บาท จะเป็นการขายส่งให้แม่ค้าคนกลางแถวกรุงเทพฯ ส่วนแบบติดก้านจะขายที่ราคากิโลกรัมละ120 บาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการส่งลงไปขายในภาคใต้หรือแถบจังหวัดที่ติดทะเล เนื่องจากต้องมีน้ำทะเลเพื่อพักสาหร่ายด้วยซึ่งแบบนี้คนใต้จะนิยมรับประทานสาหร่ายแบบตัดก้านจะขายถูกกว่าเนื่องจากไม่ต้องเอามาทำความสะอาดก่อนส่งให้ลูกค้าได้เลยทันที ถ้าลูกค้ารับไป ก็จะนำไปพักไว้ในน้ำทะเลจากนั้นก็เอามาคัดทำความสะอาดเอง แต่เรื่องของรสชาติของทั้ง 2 แบบรสชาติจะเหมือนกัน เพียงแต่หากพร้อมรับประทานลูกค้ามักจะเลือกแบบตัดยอดซึ่งตัวที่ขายดีของทางฟาร์มจะเป็นแบบติดก้าน เพราะเริ่มทำแบบติดก้านมาตั้งแต่เริ่มทำฟาร์มลูกค้าประจำจึงเยอะกว่า ส่วนแบบเด็ดคัดยอดจะเป็นแค่เสริมซึ่งตอนนี้ก็ขายอยู่ทั่วประเทศ มีตลาดขายปลีกด้วยขายส่งด้วยอย่างพี่สาวก็จะนำไปออกงานจัดบูทเองบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นจำหน่ายแบบส่งมากกว่า
“สาหร่ายที่ผ่านการคัดแยกแล้ว จะถูกนำไปพักทำความสะอาดในถังสกิมเมอร์ที่บรรจุน้ำเค็มสะอาด300 ลิตร อัตรา 5 กิโลกรัม/ถังเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนที่มากับสาหร่ายแล้วค่อยย้ายไปทำความสะอาดครั้งสุดท้ายก่อนบรรจุลงในถังพักที่ติดตั้งระบบหมุนเวียนน้ำและมีระบบอัลตราไวโอเลตและโอนโซนเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียก่อนส่งขายส่วนในเรื่องของพันธุ์สาหร่าย ตอนนี้ทางฟาร์มไม่ได้ขายพันธุ์แล้วเนื่องจากการเลี้ยงค่อนข้างยุ่งยาก ถ้าเกษตรกรสนใจหรืออยากจะปลูกต้องติดต่อฟาร์มทะเลตัวอย่างของกรมประมงที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรีซึ่งจะมีการเปิดอบรมเกี่ยวกับการเลี้ยงและการแปรรูปให้ก่อน เพราะว่าหากจะปลูกจริงๆ ต้องมีความรู้ ถ้าไม่มีความรู้ ทำไปให้คนกินมันจะยุ่ง หากทำไม่ถูกวิธี” คุณเอ็มกล่าวในที่สุด