ยาเม็ดรักษา COVID-19 ของไฟเซอร์ ลดอัตราการเข้าโรงพยาบาล และเสียชีวิตได้เกือบ 90%

      ม้ามืดตัวใหม่อาจไม่ใช่โมลนูพิราเวียร์ ผลการศึกษาล่าสุดของไฟเซอร์เปิดเผยว่า ยาเม็ดรักษา COVID-19 ที่พัฒนาอยู่สามารถลดอัตราการป่วยเข้าโรงพยาบาล และเสียชีวิตได้เกือบ 90%

      ไฟเซอร์ทดลองใช้ยาต้านไวรัส COVID-19 ในผู้ใหญ่ 775 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อน มีอาการป่วยจาก COVID-19 ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และบางรายมีปัญหาสุขภาพอื่นร่วมด้วย เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือโรคหัวใจ

       ทีมศึกษาได้นำยาของไฟเซอร์ให้ผู้ป่วย COVID-19 กินร่วมกับยาต้านไวรัสตัวอื่นๆ โดยให้เริ่มกินหลังมีอาการประมาณ 3-5 วัน ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน ก่อนจะพบว่าตัวยามีประสิทธิภาพลดอัตราการป่วยเข้าโรงพยาบาลและอัตราเสียชีวิตสูงถึง 89% หลังผ่านไปหนึ่งเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ได้ยาหลอก นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้ป่วยที่กินยาไฟเซอร์น้อยกว่า 1% ที่ยังต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และไม่มีใครเสียชีวิตเลย

        กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์อิสระที่ติดตามงานวิจัยของไฟเซอร์ได้แนะนำให้ไฟเซอร์ยุติการทดลองเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งเป็นขั้นตอนปฏิบัติมาตรฐานเมื่อผลการศึกษาเบื้องต้นแสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเวชภัณฑ์มีประสิทธิผลดี

       ไฟเซอร์เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะมียื่นเอกสารถึงองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลระหว่างประเทศ เพื่อขออนุมัติใช้ยาให้เร็วที่สุด ซึ่งหาก FDA อนุมัติยาของไฟเซอร์ก่อนโมลนูพิราเวียร์ของบริษัท Merck ก็เท่ากับว่ายาเม็ดของไฟเซอร์จะกลายมาเป็นม้ามืดตัวใหม่ในการแก้ไขปัญหา COVID-19 เพราะหากดูจากตัวเลขประสิทธิผลก็ดูเหมือนว่ายาของไฟเซอร์จะได้เปรียบยาโมลนูพิราเวียร์ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

       (ทำความรู้จักยาโมลนูพิราเวียร์เพิ่มเติมได้ที่ : https://thematter.co/qui.../covid19-molnupiravir-info/156745 )

      หลังจากนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่ายาตัวใหม่ของไฟเซอร์จะได้รับการอนุมัติให้ใช้อย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ และประเทศไทยเราจะสั่งจองล่วงหน้าไว้หรือไม่ เพราะคาดว่ายาตัวนี้น่าจะกลายเป็นที่ต้องการของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่ต่างจากวัคซีนเลยทีเดียว

ที่มา เชียงใหม่นิวส์