5 พฤติกรรม ทำลายสุขภาพเหมือนสูบบุหรี่

กรมสุขภาพจิตเผยผลสำรวจตสุขภาพจิตของคนไทย พบว่าคนไทยมีปัญหาด้านสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดภาวะโรคระบาดเช่นนี้ มีความเครียด อาการซึมเศร้า และความเสี่ยงในการทำร้ายตนเอง http://winne.ws/n27993

1.1 พัน ผู้เข้าชม
5 พฤติกรรม ทำลายสุขภาพเหมือนสูบบุหรี่

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับ “สวนดุสิตโพล” ได้สำรวจ “พฤติกรรมการบริโภคยาสูบของกลุ่มผู้ใช้แรงงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19” ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อเดือนเมษายน 2564 โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้แรงงานนอกระบบ/ในระบบ จำนวน 1,120 ตัวอย่าง เช่น มอเตอร์ไซด์รับจ้าง แท็กซี่ งานบ้าน เกษตร ประมง โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม ห้างร้าน พบว่าสูบบุหรี่กันน้อยลง เนื่องจากรายได้ลดลงสูงถึง 49.12 เปอร์เซ็นต์!

แต่… คนที่ไม่สูบบุหรี่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไปว่าตนเองจะปลอดภัย ถึงคุณจะไม่สูบบุหรี่ แต่มีนิสัยหรือพฤติกรรมแย่ ๆ ที่อันตรายต่อสุขภาพของคุณได้พอ ๆ กับการสูบบุหรี่เลยทีเดียว และคนทั่วไปก็มันจะคาดไม่ถึงว่าพฤติกรรมแย่ ๆ ดังกล่าวจะทำลายสุขภาพเราได้มากขนาดนี้ Neha Mittal ผู้ร่วมก่อตั้ง OneAbove Health Care ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาเครื่องมือแพทย์คุณภาพสูงราคาย่อมเยา ได้แบ่งปันข้อมูลพฤติกรรมแย่ ๆ 5 ข้อที่ทำลายสุขภาพได้มากพอ ๆ กับการสูบบุหรี่ ดังนี้

            1.ความเหงา เมื่อความเหงาฆ่าคนได้ไม่ใช่คำพูดเกินจริง มีการวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่าความเหงาเรื้อรังสามารถส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้ โดยผลกระทบที่สำคัญจะเกิดกับสมองมากกว่า นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างความเหงาและโรคทางสมอง เช่น ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ ในอินเดีย มีผู้สูงอายุราว ๆ 22 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ในขณะเดียวกัน เด็ก ๆ ที่ถูกละเลย ขาดการดูแลเอาใจใส่ ก็ส่งผลให้มีภาวะความเหงาเรื้อรังเช่นกัน

         2. กินอาหารไม่มีประโยชน์ เราทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าการกินอาหารเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็น ถึงกระนั้นหลายคนก็ไม่ได้กินอาหารที่ดีต่อร่างกายทุกวัน และบางคนก็สนใจด้วยซ้ำ โดยเลือกกินอาหารตามใจชอบแทน ทั้งที่รู้ว่าเป็นโทษต่อร่างกายแต่ก็ชอบกิน หลายคนเลือกกินอาหารแปรรูป อาหารขยะ และอาหารที่มีเกลือและน้ำตาลสูง ไม่เพียงเท่านั้น ยังกินผักและผลไม้อีกต่างหาก เป็นสาเหตุของโรคพื้นฐานหลายโรค อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน และอื่น ๆ

          3. เฉื่อยชา ขี้เกียจ ไม่กระตือรือร้น ในปัจจุบัน พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่นั่งหน้าจอเป็นเวลานานหลายชั่วโมง การศึกษาจาก Regensburg University ในเยอรมนี ซึ่งศึกษาในปี 2014 แสดงให้เห็นว่าคนที่นั่งหน้าจอนาน ๆ ทุก 2 ชั่วโมงจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 8 เปอร์เซ็นต์ และโอกาสของที่จะเกิดโรคมะเร็งปอด 6 เปอร์เซ็นต์ โดยที่คนกลุ่มนี้ก็ไม่คิดที่จะทำกิจกรรมทางกายภาพอื่น ๆ ในระหว่างวันด้วย

       4. อดนอน การนั่งหน้าจอเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ส่งผลต่อการนอนหลับได้เช่นกัน แสงสีน้ำเงินจากหน้าจอ สัมพันธ์เชื่อมโยงกับปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับดวงตา เช่น ตาล้า ตาพร่ามัว หรือแม้แต่ต้อกระจก ผู้ใหญ่ในอินเดียเกือบ 33 เปอร์เซ็นต์ประสบปัญหาการนอนไม่หลับ อย่างไรก็ดี ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือพวกเขากลับคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ

          ส่วนคนไทย สถิติพบว่าประชากรราว ๆ 30-40 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 19 ล้านคนของคนไทยเป็นโรคนอนไม่หลับ แม้จะรู้สึกง่วงสุด ๆ ก็ตาม คนส่วนมากจะมีอาการนอนไม่หลับ 1 หรือ 2 คืน แต่บางครั้งอาจเกิดขึ้นนานเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นปี โดยโรคนอนไม่หลับมักพบในผู้หญิงและผู้สูงอายุ และการที่คนเรานอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน ยังเสี่ยงตายเร็วอีกด้วย

           5. ทัศนคติในด้านลบ การมองโลกในแง่ร้าย หรือมีทัศนคติต่อเรื่องต่าง ๆ ในด้านลบอยู่เสมอสามารถทำลายชีวิตคนเราได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็รู้ดีว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้ดีต่อสุขภาพจิตเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังเป็นปัญหาที่พบเจอได้บ่อยมาก แล้วมันก็เกิดขึ้นเพราะความคิดของตัวเราเอง สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า รวมถึงความเครียดที่ไม่พึงประสงค์ และนำมาซึ่งโรคทางกายอื่น ๆ อีกหลายโรค ที่เกิดจากความเครียด

            กรมสุขภาพจิตเผยผลสำรวจสุขภาพจิตของคนไทย พบว่าคนไทยมีปัญหาด้านสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดภาวะโรคระบาดเช่นนี้ มีความเครียด อาการซึมเศร้า และความเสี่ยงในการทำร้ายตนเอง

ที่มา https://www.facebook.com/chiangmainews/

แชร์