ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ในอังกฤษ น่ากลัวแค่ไหน

โดยการกลายพันธุ์นอกจากจะทำให้เชื้อแพร่ระบาดได้เร็วขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้การตรวจโรคโควิด-19 ทำได้ยากขึ้น เพราะไวรัสที่กลายพันธุ์อาจทำให้ผลตรวจด้วยวิธี PCR ไม่พบเชื้อโควิด-19 http://winne.ws/n27572

1.2 พัน ผู้เข้าชม
ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ในอังกฤษ น่ากลัวแค่ไหน

      สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในระดับโลกน่ากังวลยิ่งขึ้น หลังมีการตรวจพบว่า ไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์และแพร่ระบาดอย่างหนักในอังกฤษ

       ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร อันตรายแค่ไหน ซึ่งจะเป็นคำตอบว่าเราต้องกังวลกับการกลายพันธุ์ในครั้งนี้หรือไม่

         นักวิทยาศาสตร์ค้นพบการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 เป็นสายพันธุ์ที่มีชื่อว่า B.1.1.7 โดยเชื่อว่าการกลายพันธุ์น่าจะเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ในพื้นที่ทางตอนใต้ของอังกฤษ

        นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมุติฐานว่า พฤติกรรมของมนุษย์น่าจะเป็นปัจจัยเอื้อให้ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ โดยเฉพาะการรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน ขณะเดียวกันไวรัสโควิด-19 อาจกลายพันธุ์จากการเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ที่อ่อนแอ ทำให้ไวรัสกลายพันธุ์ก่อนจะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น

         หลังไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ไม่กี่สัปดาห์ นักวิทยาศาสตร์เริ่มเห็นสัญญาณว่า ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ เริ่มแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น โดยจากสถิติเมื่อต้นเดือนธันวาคมพบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ ติดเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์มากถึง 62% เปรียบเทียบกับเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนที่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์อยู่ที่ 28%

          นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ น่าจะมีอัตราการติดเชื้อที่สูงกว่าไวรัสโควิด-19 ดั้งเดิมถึง 40-70% นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในตอนนี้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอังกฤษ ถึงรุนแรง

           ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์จนทำให้อังกฤษพบอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ต้องเรียกประชุมฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ (21 ธ.ค.) ขณะที่นายแมตต์ ฮานค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ ยอมรับเมื่อวันอาทิตย์ (20 ธ.ค.) ว่า ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ ทำให้การระบาดในอังกฤษไม่สามารถควบคุมได้

           ขณะเดียวกันหลายประเทศในยุโรป ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา รวมไปถึงฮ่องกง สั่งระงับการเดินทางเข้า-ออกประเทศอังกฤษ เพื่อป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ระบาดรุนแรงในประเทศ อย่างไรก็ตาม มีการพบไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ในหลายประเทศนอกอังกฤษแล้ว เช่นในอิตาลี เบลเยียม เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และออสเตรเลีย

          นักวิทยาศาสตร์ยังพบการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในแอฟริกาใต้ด้วย ซึ่งแม้การกลายพันธุ์จะมีลักษณะเดียวกันกับที่พบในอังกฤษ แต่มีความเป็นไปได้ว่า เชื้อที่กลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้และอังกฤษอาจไม่มีความเชื่อมโยงกัน นั่นเท่ากับว่า ไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มกลายพันธุ์ได้ทุกที่

         องค์การอนามัยโลกยืนยันถึงการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 แต่ระบุว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า เชื้อโควิด-19 ที่กลายพันธุ์จะมีฤทธิ์รุนแรง ทำให้ผู้ป่วยอาการหนักขึ้น หรือมีความเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น แม้จะมีความชัดเจนว่า ไวรัสที่กลายพันธุ์จะทำให้เกิดการติดเชื้อง่ายขึ้นก็ตาม

          สำหรับไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์นั้น นักวิทยาศาสตร์พบว่า มีความเปลี่ยนแปลงภายในเชื้อ 23 จุด ซึ่งถือว่ามากผิดปกติ โดยการกลายพันธุ์นอกจากจะทำให้เชื้อแพร่ระบาดได้เร็วขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้การตรวจโรคโควิด-19 ทำได้ยากขึ้น เพราะไวรัสที่กลายพันธุ์อาจทำให้ผลตรวจด้วยวิธี PCR ไม่พบเชื้อโควิด-19

         แม้การกลายพันธุ์จะส่งผลเปลี่ยนแปลงภายในเชื้อไวรัสโควิด-19 มากผิดปกติ แต่องค์การอนามัยโลกชี้ว่า อัตราการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ยังถือว่าช้ากว่าไวรัสที่ทำให้เป็นไข้หวัด

         ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ถูกพัฒนาขึ้น ยังสามารถต่อต้านไวรัสโควิด-19 ได้แม้จะเป็นสายพันธุ์ที่ผ่านการกลายพันธุ์มาแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า ไวรัสที่กลายพันธุ์อาจทำให้วัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิภาพลดลง

ที่มา https://www.facebook.com/workpointTODAY

แชร์