อากาศเย็นแล้ว!มาดูวิธีป้องกันโรคที่เกิดขึ้นในฤดูหนาว
อากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงความชื้นและความหนาวเย็นจะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น มักพบการระบาดของโรคต่างๆ http://winne.ws/n26648
นายแพทย์ดนัย เจียรกูล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ในภาคอีสานสภาพอากาศเริ่มเย็นลง และบางพื้นที่ยังมีฝนตกอยู่ ซึ่งอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงความชื้นและความหนาวเย็นจะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น มักพบการระบาดของโรคต่าง ๆ
กรมควบคุมโรคจึงออกประกาศ เรื่อง การป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่เกิดในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย พ.ศ. 2562 ซึ่งโรคและภัยสุขภาพที่มีแนวโน้มจะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในฤดูหนาว แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ 1.โรคติดต่อ ได้แก่ โรคหัด โรคปอดอักเสบ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัส โรคมือ เท้า ปาก 2.ภัยสุขภาพ ได้แก่ การเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศหนาว การสูดดมก๊าซพิษและขาดอากาศหายใจจากเครื่องทำน้ำอุ่นระบบก๊าซ และการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงอากาศหนาวและหมอกจัด
1. โรคหัด จะมีอาการคล้ายไข้หวัด หลังมีไข้ 3-4 วัน จะเริ่มมีผื่นนูนแดงขึ้น 1-2 วัน ไข้จะเริ่มลดลง และผื่นจะจางหายไปประมาณ 2 สัปดาห์ โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน
2. โรคไข้หวัดใหญ่ จะมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว โรคนี้ป้องกันได้โดยการดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรง หากมีอาการดังกล่าว แนะนำให้หยุดเรียนหรือหยุดงานทันที และรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
3. โรคปอดอักเสบ ผู้ป่วยจะมีไข้ หายใจลำบาก หนาวสั่น อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ โรคนี้ป้องกันโดยหลีกเลี่ยงอยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัด ล้างมือบ่อย ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หากสงสัยว่ามีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
4. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัส จะมีอาการไข้ อาเจียน อุจจาระร่วงอย่างรุนแรง ทำให้เสียน้ำมาก สำหรับการรักษา จะรักษาตามอาการ เช่น ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง และให้เกลือแร่ทดแทน โรคนี้ป้องกันโดยการรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ดื่มน้ำสะอาด และหมั่นล้างมือบ่อยๆ และ 5.โรคมือ เท้า ปาก พบบ่อยในกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ผู้ป่วยจะมีแผลหรือตุ่มในช่องปาก กระพุ้งแก้ม หรือมีผื่นแดงบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า สำหรับการรักษาจะรักษาตามอาการป่วย ผู้ปกครองและครูจะต้องสังเกตอาการผิดปกติของเด็ก ถ้าพบว่าเด็กมีอาการดังกล่าว ให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติทันที
ส่วนภัยสุขภาพที่ควรระมัดระวังในช่วงฤดูหนาว ได้แก่
1.การเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศหนาว มักเกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว วิธีการป้องกันตนเองจากภัยหนาว คือ
1.1 ไม่ดื่มสุราและเสพของมึนเมา
1.2 รักษาร่างกายให้อบอุ่น
1.3 ดูแลผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว เด็กเล็กอย่างใกล้ชิด
1.4 จัดหาเสื้อผ้าหรือเครื่องนุ่งห่มกันหนาวและที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม และ
1.5 สังเกตอาการผู้ป่วยหลังกินยารักษาโรคบางชนิดที่มีผลต่อร่างกายในภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำลง
2.การสูดดมก๊าซพิษและขาดอากาศหายใจจากเครื่องทำน้ำอุ่นระบบก๊าซ ในช่วงนี้ประชาชนมักเดินทางไปพักผ่อนตามรีสอร์ท หรือบ้านพักต่างๆ ซึ่งอาจมีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สแทนระบบไฟฟ้า นักท่องเที่ยวจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจได้รับอันตรายจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมากจะมีอาการวิงเวียน มึนงง หน้ามืด หมดสติ
คำแนะนำคือ ให้ตรวจสอบเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สให้ได้มาตรฐานและปลอดภัย มีการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ ติดป้ายเตือน และบอกวิธีใช้งาน หากในขณะอาบน้ำแล้วได้กลิ่นแก๊ส ควรรีบออกจากห้องน้ำทันที และ
3.การเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงอากาศหนาวและหมอกจัด การเดินทางในช่วงนี้อาจเจอหมอกลงจัดและทัศนะวิสัยที่ไม่ดี เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ง่าย คำแนะนำสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนมีดังนี้
3.1 ตรวจสอบสภาพอากาศและเส้นทางก่อนเดินทาง หากทัศนะวิสัยไม่ดี หมอกลงจัด ไม่ควรเดินทาง
3.2 พักผ่อนให้เพียงพอก่อนขับทางไกล
3.3 ตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ ให้อยู่ในสภาพปลอดภัยและพร้อมใช้งาน และ
3.4 ปฏิบัติตามกฎจราจร คาดเข็มขัด และสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง
ดังนั้น สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.อุบลราชธานี จึงได้สื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชาชนให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
อ่านต่อที่ https://www.banmuang.co.th