พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์"เมืองหงสาวดี"กับเรื่องราวที่มหัศจรรย์

พรัพุทธรูป ๔ทิศ" พระราชธิดาทั้งสี่องค์ของกษัตริย์มอญ ที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา สร้างพระพุทธรูปแทนตนเองและได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศพอน้องสุดท้องแต่งงานก็เกิดอาเพศใหญ่ทันที http://winne.ws/n24561

1.4 พัน ผู้เข้าชม
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์"เมืองหงสาวดี"กับเรื่องราวที่มหัศจรรย์

เที่ยวเมืองพม่า ชมเมืองย่างกุ้งและเมืองหงสาวดี

เมืองย่างกุ้งขึ้นชื่อเรื่องมหาเจดีย์ทองคำศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างมากว่า 2500 ปีคือเจดีย์ชเวดากองที่งดงามและยิ่งใหญ่เสมือนเป็นหัวใจและสัญลักษณ์ของชาวเมียนมาร์

แต่ที่เมืองหงสาวดีที่เป็นเมืองหลวงเก่าของชาวมอญก็มีพระเจดีย์และพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่และงดงามเช่นเดียวกันที่หลาย ๆท่านยังไม่ทราบเรามาชมพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อีก 2 วัดของชาวหงสากันค่ะ

นำทุกท่านมายังวัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น หรือ พระเจดีย์ไจปุ่น พระพุทธรูป 4 ทิศ (Kyaikpun Pagoda) นั้นมีอายุนาว 500 กว่าปี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์หันพระพักตร์ไปทุกทิศทาง เหตุผลที่ต้องสร้างหันไปทุกทิศนั้นก็  เพราะแทนความหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ในภัทรกัปนั่นเอง

พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์"เมืองหงสาวดี"กับเรื่องราวที่มหัศจรรย์

ซึ่งก็มีตำนานที่เล่าขานกันมาดังนี้

"  พระราชธิดาทั้งสี่องค์ของกษัตริย์มอญ ที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา  สร้างพระพุทธรูปแทนตนเองและได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ต่อมาน้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ คือ จะเป็นศิลปะแบบพม่า ลองสังเกต พระพุทธรูปองค์นี้ พระพักตร์จะเศร้ากว่าองค์อื่น

พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์"เมืองหงสาวดี"กับเรื่องราวที่มหัศจรรย์

นำไปกราบพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว(พระนอนชเวตาเลียว)Shew Thalyang Budda

(พระร่วมสมัยกับปราสาทบันทายสรี ของกัมพูชา) เป็นพระนอนที่สวยงามที่สุดในพม่า องค์พระมีความยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าพระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจีที่ย่างกุ้งเท่าไหร่ แต่ความงามนั้นสวยงามกว่า โดยพระบาทนั้นจะวางเหลื่อมพระบาท ซึ่งจะเป็นลักษณะที่ไม่เหมือนกับพระนอนของไทยเรา แต่เป็นศิลปะที่สวยงามอีกแบบที่น่าสนใจ 

ว่ากันตามตำนานแล้ว มีเรื่องราวเล่าขานของพระนอนชเวตาเลียว ถูกบันทึกเป็นภาพเขียนไว้ด้านหลังองค์พระ กันมาว่า

"มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงลัทธิบูชายักษ์มาก จนถึงขั้นสร้างรูปปั้นยักษ์ไว้เพื่อกราบไหว้บูชา วันหนึ่งขณะราชาเสด็จประพาสป่า พร้อมพระโอรส และพระโอรสไปพบสาวชาวบ้าน เกิดความรักใคร จึงได้พากลับมาอยู่ด้วยกันที่วัง  แต่หญิงสาวชาวบ้านคนดังกล่าว นับถือศาสนาพุทธจึงอัญเชิญพระพุทธรูปเข้าไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชาทรงกริ้วมาก จึงสั่งให้ทหารจับพระโอรส และคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่พอชาวบ้านผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนารู้ จึงพากันตั้งจิตอธิฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีความศักดิ์สิทธิ์จริงขอให้พระโอรส และคนรักแคล้วคลาด จนเกิดเรื่องอัศจรรย์เชือกขาด และเกิดเหตุรูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาเห็นปาฏิหารย์ จึงหันมานับถือพระพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพระพุทธไสยาสน์ "ชเวตาเลียว" ไว้เป็นเครื่องเตือนสติ และเป็นที่สักการะบูชาของชาวเมือง"

ที่วัดพระนอน "ชเวตาเลียว" แห่งนี้ ยังมีตลาด สำหรับเป็นทางเลือกให้กับนักช้อป นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัการะบูชา พระพุทธไสยาสน์  ให้ได้ช้อปกัน  โดยเฉพาะงานไม้เกาะสลักต่างๆ เสื้อผ้า โสร่งหญิงชาย งานหยก แป้งทานาคา และอื่นๆ มากมาย


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

เฟซบุ๊ก ปัสญา หิรัญศรี

แชร์