"ขมิ้นชัน"สมุนไพร กินเวลาไหนรักษาโรค ?!?

ขมิ้นชัน ให้กินเวลาต่าง ๆ ต่อไปนี้ จะช่วยแก้อาการต่าง ๆ ของร่างกายได้ผลดีเยี่ยมและเป็นสมุนไพรที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม แล้วอย่าลืมกินตามเวลา ให้ตรงจุดกับที่อวัยวะที่ต้องการบำรุงหรือฟื้นฟู http://winne.ws/n22459

1.8 หมื่น ผู้เข้าชม
"ขมิ้นชัน"สมุนไพร กินเวลาไหนรักษาโรค ?!?

ขมิ้นชัน ให้กินเวลาต่าง ๆ ต่อไปนี้ จะช่วยแก้อาการต่าง ๆ ของร่างกายได้ผลดีเยี่ยม

ขมิ้น เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีประโยชน์นานานับประการ มีงานวิจัยพบว่าช่วงเวลาในการกินขมิ้นชันก็เป็นสิ่งสำคัญ และได้พิสูจน์สรรพคุณของขมิ้นชันตามการใช้แบบโบราณ พบว่ามีสรรพคุณบรรเทาและป้องโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่หลายคนรับประทานแล้วไม่ได้ผล ซึ่งอาจจะผิดวิธีหรือไม่ถูกเวลา เรามาดูว่าควรรับประทานอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

งานวิจัยของมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรระบุถึงการรับประทานขมิ้นชันให้ได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อกินตามเวลาและตรงจุดตรงปัญหา ขมิ้นชันมีประโยชน์และสรรพคุณหลายประการ กินขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้ จะได้ผลโดยตรงกับอวัยวะที่ต้องการ

"ขมิ้นชัน"สมุนไพร กินเวลาไหนรักษาโรค ?!?

วิธีกินขมิ้นชันให้ได้ผลดีและได้ประโยชน์

ในขมิ้นชันนั้นมีสารสำคัญชนิดหนึ่งที่เรียกว่า curcumin (เคอร์คูมิน) เป็นสารที่มีประโยชน์ช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ แต่ว่าร่างกายมีความสามารถในการดูดซึมได้น้อยมาก การรับประทานขมิ้นให้ได้ผลดีจึงมักมีเคล็ดลับในการรับประทาน ดังนี้

1. เลือกขมิ้นที่อายุอย่างน้อย 9 เดือน เพราะขมิ้นชันอ่อนจะมีสารเคอร์คูมินในปริมาณน้อย

2. รับประทานร่วมกับมื้ออาหาร เช่นกับพริกไทยดำเพราะพริกไทยดำช่วยให้ร่างกายดูดซึมเคอร์คูมิน ได้ดีกว่าทานขมิ้นชันอย่างเดียวหลายเท่าตัว โดยควรทานระหว่างหรือหลังรับประทานอาหาร

3. เนื่องจากขมิ้นชันชนิดผงนั้น ละลายได้ดีในไขมัน หากปรุงอาหารจากขมิ้นชันด้วยน้ำมันจะให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าเดิม

4. รับประทานตามนาฬิกาชีวิต มีการศึกษาพบว่า อวัยวะในร่างกายทำงานในช่วงเวลาต่างๆ กัน การรับประทานขมิ้นชันตามเวลาที่อวัยวะนั้นทำงานจะได้ประโยชน์สูงสุด ดังนี้

เวลา 03.00 – 05.00 น. ช่วยบำรุงปอด ช่วยทำให้ปอดแข็งแรง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง

เวลา 05.00 – 07.00 น. ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ถ้าเคยกินยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้กินขมิ้นชันเวลานี้ ขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องกินเป็นประจำ ถึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อขับถ่ายอย่างปกติ แก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่มีปัญหาถ่ายมากเกินไปหรือถ่ายน้อยเกินไป

ถ้าลำไส้ใหญ่มีปัญหา ให้กินขมิ้นชันพร้อมกับสูตรโยเกิร์ต นมสด น้ำผึ้ง มะนาวหรือน้ำอุ่นก็ได้ จะไปช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็กๆ อยู่เป็นล้านๆ เส้น

ซึ่งขนเหล่านี้มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารเพื่อไปสร้างเม็ดเลือด ขมิ้นชันจะช่วยล้างให้สะอาดได้ ทำให้ไม่ค่อยมีขยะตกค้าง จึงไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว และไม่เป็นริดสีดวงทวาร ไม่เป็นมะเร็งลำไส้

07.00 – 09.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร เกิดจากการกินข้าวไม่เป็นเวลา ท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม

09.00 – 11.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป ผอมเกินไปที่เกี่ยวกับม้าม ลดอาการของโรคเก๊าต์ ลดอาการเบาหวาน

11.00 – 13.00 น. สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง

13.00 -15.00 น. ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับ แล้วตับจะส่งมาที่ปอด ส่งต่อไปยังผิวหนัง แต่ส่วนมากมาไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง

15.00 – 17.00 น. ช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรกินน้ำกระชายเวลานี้ด้วย จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงือกออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้

17.00 น.-ก่อนนอน ถ้ารับประทานเลยเวลาจากช่วงนี้ จนไปถึงการกินก่อนนอน ขมิ้นชันจะไปช่วยเรื่องความจำให้ความจำดี ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าจะไม่ค่อยอ่อนเพลีย และช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น กินขมิ้นชันมาก ๆ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ผิวหนัง ไม่เป็นผดผื่นคันง่าย ๆ และช่วยขับไขมันในตับ

"ขมิ้นชัน"สมุนไพร กินเวลาไหนรักษาโรค ?!?

วิธีเลือกซื้อขมิ้นชันสด และขมิ้นชันแบบผง

1. ขมิ้นชันสด ควรเลือกขมิ้นที่อายุ 9 เดือนขึ้น เพราะจะมีสาร curcuminเยอะกว่าขมิ้นอ่อน สังเกตได้จากสีจะมีสีเหลืองเข้ม กลิ่นฉุน กว้างยาวประมาณนิ้วชี้ของผู้ใหญ่

2. ขมิ้นชันผง ควรเลือกโดยสังเกตจากสี ต้องมีสีเหลืองเข้มและไม่มีสิ่งใดเจือปน หากไม่มั่นใจควรนำขมิ้นสดมาตากแห้งแล้วบดเก็บไว้ใช้เอง

ข้อควรระวังในการใช้-ทานขมิ้นชัน ผลข้างเคียง

1. การรับประทานในปริมาณมากและติดต่อกันนานเกินไป อาจจะทำให้เกิดแผลในกระเพราะอาหาร

2. ในผู้แพ้ขมิ้นชันบางคน จะมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้ หากมีอาการเหล่านี้ควรหยุดยา

3. ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับการอุดตันของท่อน้ำดี

4. สตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้

ด้วยคุณสมบัติของขมิ้นชันที่มีประโยชน์และสรรพคุณทางยาจนนับไม่ถ้วนขนาดนี้ ปัจจุบันจึงได้รับความสนใจจากการแพทย์ทางเลือก เพื่อนำมาใช้ในการช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ จากเหล่าโรคร้าย รวมทั้งช่วยในการดูแลเรื่องของความงาม

ขอย้ำเตือนว่า ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม แล้วอย่าลืมกินตามเวลา ให้ตรงจุดกับที่อวัยวะที่ต้องการบำรุงหรือฟื้นฟู ถ้าเหลือเยอะก็เอามาขัดผิวให้กระจ่างใสยิ่งขึ้นได้อีกด้วย


ขอบคุณข้อมูลจาก

เพจกำลังใจมีไว้แบ่งปัน

ภาพจากwww.google.co.th

แชร์