รหัสผ่าน เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเรา แต่หากใช้รหัสผ่านไม่ดีและไม่ระวัง ข้อมูลของเราอาจถูกเข้าถึงโดยมิจฉาชีพได้ ติดตาม “7 อ” กฎเหล็กต้องห้ามในการตั้งรหัสผ่าน ในช่วงใหม่ “ชัวร์ก่อนแชร์ วัคซีนไซเบอร์” กับ คุณพีรพล อนุตรโสตถิ์ จากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

ความปลอดภัยไซเบอร์ที่อ่อนแอ

       เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี หรือถูกทำลายข้อมูลได้เราทุกคนจึงต้องมีภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทัน-ป้องกันภัยไซเบอร์พบกับ วัคซีนไซเบอร์การตั้งรหัสผ่าน ถ้าตั้งง่ายเกินไป ระวังจะถูกแฮกเกอร์ขโมยรหัสผ่านไปสวมตัวตนบนโลกออนไลน์แทนคุณได้ โดยไม่รู้ตัวแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ารหัสผ่านที่เราตั้ง ถูกแฮกแล้วหรือยัง

มีวิธีตรวจสอบง่าย ๆ มาแนะนำกันครับ

1. เข้าไปที่เว็บไซต์นี้

ที่ก่อตั้งโดย Troy Hunt

ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของเว็บไซต์ ชาวออสเตรเลีย

2. เข้าไปที่ตรงนี้ และกรอกรหัสผ่านของเราลงไป

3. กด pwned? ครับ

        ก็จะเช็กได้ทันทีว่า เคยมีรหัสผ่านรั่วไป รอให้คนร้ายนำไปใช้งานหรือไม่

หากมีข้อความขึ้นว่า “Good news”แสดงว่า รหัสผ่านของเรา ยังไม่อยู่ในฐานข้อมูลที่รั่วออกไปแต่ถ้าขึ้นข้อความว่า “Oh no”แสดงว่ารหัสผ่านของเราได้รั่วไหลไปแล้ว

       โดยเว็บไซต์จะระบุให้ทราบว่าข้อมูลรั่วไหลสู่สาธารณะเมื่อไหร่ ที่ไหนบ้างควรรีบจัดการเปลี่ยนรหัสผ่านโดยด่วนโดยก่อนจะเปลี่ยนรหัสผ่านอาจจะลองนำไปเช็กก่อนว่ารหัสของเรานั้นเป็น “Good news” หรือยังทั้งนี้เราควรหมั่นตรวจสอบรหัสผ่านทุกครั้งว่า ยังปลอดภัยหรือไม่และไม่ควรตั้งรหัสผ่านที่ง่ายต่อการคาดเดา ซ้ำกันหลายบัญชีเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลของเรา

วัคซีนไซเบอร์ ขอนำเสนอ

"7 อ" กฎเหล็กต้องห้ามในการตั้งรหัสผ่านจะมีข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงในการตั้งรหัสผ่านอะไรบ้างไปร่วมกิจกรรมตอบคำถามไปกับเราได้ที่ :

ต่อไปนี้คือ 7 อ กฎเหล็กต้องห้ามในการตั้งรหัสผ่าน

1. อ อ้างถึงเรื่องส่วนตัว

      ควรหลีกเลี่ยงการนำข้อมูลส่วนตัวมาตั้งเป็นรหัสผ่านอย่าง วัน เดือน ปีเกิด , ชื่อตัวเอง , ทะเบียนรถ,ทะเบียนบ้าน, เบอร์โทรศัพท์ , เลขบัตรประชาชนรวมไปถึงเช่น ชื่อเพื่อน, ชื่อแฟน, พ่อแม่พี่น้องหรือข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเราเพราะว่าเป็นข้อมูลทั่วไปที่หลายคนก็อาจจะหาเจอได้และก็ทำให้การคาดเดารหัสผ่านนั้นง่ายไปอีก

2. อ อิงตามพจนานุกรม

       ไม่ควรใช้คำศัพท์ในพจนานุกรมไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์แบบเดี่ยว ๆ เช่น checking

หรือนำหลาย ๆ คำมารวมกันเช่น Fact Checking Skills เนื่องจากแฮกเกอร์ก็สามารถใช้โปรแกรมการคาดเดารหัสผ่าน โดยเปรียบเทียบจากฐานข้อมูลคำศัพท์ได้

3. อ อักษรเรียง เลขเรียง

       ไม่ควรใช้นะครับ ตัวอักษร ตัวเลขที่เรียงกันบนแป้นพิมพ์เช่น 123456789 qwerty และถึงแม้จะใช้จำนวนตำแหน่งของเลขและตัวอักษรเยอะแต่ก็เป็นรหัสที่คนร้ายสามารถจะคาดเดาได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้โปรแกรมช่วย

4. อ ออกแบบให้คล้ายกัน

       ไม่ควรตั้งรหัสให้มีรูปแบบออกมาคล้ายกันในทุกบัญชีหรือแม้แต่เหมือนกันหมดนะครับเพราะถ้าคนร้ายสามารถเข้าถึงบัญชีใดบัญชีหนึ่งได้แล้วก็อาจจะเดารหัสผ่านเข้าถึงบัญชีอื่น ๆ ของเราได้ไม่ยาก

5. อ อย่ากดจำรหัสผ่าน

       ในการลงชื่อเข้าใช้บัญชีต่าง ๆ จะมีให้เลือก “จัดเก็บรหัสผ่าน”หรือ “จดจำรหัสผ่านโดยอัตโนมัติ” หลายคนก็เลือกช่องทางนี้เพื่อความสะดวกในการเข้าใช้งานครั้งต่อไปนะครับแต่ถ้าเป็นเครื่องที่มีคนอื่นร่วมใช้ด้วยเป็นข้อห้ามเลยนะครับว่าไม่ควรจะให้มันจดจำรหัสผ่านไว้นะครับไม่เช่นนั้นเพื่อนของเราหรือคนอื่นที่ใช้เครื่องร่วมกับเราก็สามารถจะเข้าไปดูได้

6. อ แอบจดใส่กระดาษ

     ไม่ควรเก็บรหัสผ่านในกระดาษต่าง ๆ หรือสมุดโน๊ตใด ๆ ก็ตามเช่น แปะไว้อยู่หลังจอใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์เพราะเมื่อเราค้นหาได้ง่ายคนอื่นก็อาจค้นหาได้ง่ายเหมือนกันและถ้าจำเป็นต้องจดการจดรหัสผ่านแบบตรงตัวนั้นก็อาจจะง่ายเกินไปอาจเป็นคำใบ้ที่เราสามารถถอดรหัสได้คนเดียว

7. อ ออกปากบอกคนอื่น

        เราน่าจะยึดหลัก ไม่ใช่ความลับ แต่บอกไม่ได้นะครับไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันรหัสผ่านกับครอบครัว และคนรู้จักทั้งอีเมล โซเชี่ยลมีเดีย บัญชีเว็บไซต์ ช้อปปิ้งออนไลน์รวมไปถึงบัญชีดูภาพยนตร์ บัญชีเว็บไซต์ดูคลิปต่าง ๆและอีกหลากหลายบัญชีนะครับเพราะไม่แน่ว่ารหัสที่เราบอกไปคนที่รับรู้ก็อาจจะพลาดพลั้ง และทำหลุดไปถึงผู้ไม่หวังดีหรือคนร้ายมาสวมรอยเป็นเราได้เหมือนกัน

       ทั้งหมดนี้คือ "7 อ" กฎเหล็กต้องห้ามในการตั้งรหัสผ่านถ้ารหัสผ่านของคุณเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งใน "7 อ" นี้ก็ควรหลีกเลี่ยง และรีบเปลี่ยนด่วน เพื่อให้รหัสผ่านของเราเป็นรหัสที่ปลอดภัยลดความเสี่ยงในการถูกแฮกได้ง่าย ๆ อย่าลืมนะครับว่า ฃ

       การตั้งรหัสผ่านเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นเหมือนปราการด่านแรกในการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลป้องกันการถูกสวมรอยและป้องกันความเสียหายอีกมากมาย ที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนั้นคุณควรจะให้ความสำคัญกับการตั้งรหัสผ่านและการจัดเก็บรหัสผ่านอย่างปลอดภัยทุกครั้ง

ที่มา https://www.facebook.com/SureAndShare