พระท่านสอนว่า คนเราเกิดมาเพื่อแก้ไขนิสัยของตัวเอง และถ้าหากยังมีนิสัยแย่ ๆ ก็ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดไปจนกว่าจะมีนิสัยที่ดี จิตใจที่ดี บริสุทธิ์จริงจึงจะได้เข้านิพพาน แรก ๆ ก็ไม่เข้าใจนะ แต่เวลาผ่านไปประสบการณ์ทำให้เข้าใจชัดมากขึ้น หลายคนแพ้ใจตัวเอง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็เท่ากับว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขนิสัยแย่ ๆของตัวเองได้

ตัวอย่าง 

-         คนที่อยากใหญ่อยากโตอยากเป็นโน่นเป็นนี่ อยากได้ตำแหน่งโน้นตำแหน่งนี้ อยากเป็นหัวหน้า ได้แต่เบ่งคับซอย หนักเข้าฟาดงวงฟาดงา บ้างก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อแสดงพาวเวอร์ว่า “ใหญ่”

-         คนที่ติดกับดักตัวเอง คิดว่าตัวเองถูกอยู่คนเดียว ฝันเฟื่อง ไม่ยอมตื่นจากภวังค์ ไม่ดูตามความเป็นจริงและเหตุผล แต่พอจนด้วยหลักฐานก็กลายเป็นคนเอะอะโวยวาย หนักกว่านั้นคือสามารถตะโกนต่อว่าผู้คนแบบไม่แคร์  ก็ยิ่งส่งผลให้เห็นตัวตนที่แท้จริง กลายเป็นคนไร้มารยาทและไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้

-         คนที่หวังเอาชนะอย่างเดียว หน้ามืดตามัว ปะทะกับทุกคน ทุกสถานการณ์ หาเรื่องเขาไปทั่ว จนได้ชื่อขนานนามว่า เจ้าแม่บ้าบอ

-         คนหน้าไหว้หลังหลอก นินทาลับหลังแต่ต่อหน้าแทบกราบ คนไม่จริงใจ เห็นแก่ตัว คบใครก็หวังผล เป็นต้น

ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น เป็นตัวอย่างนิสัยแย่ ๆ ทั้งนั้น ซึ่งก็ไม่พ้นคำว่า “โลภ โกรธ หลง” ตามที่พระท่านสอน แล้วคุณล่ะ เคยเจอคนนิสัยแย่ ๆ บ้างมั๊ย?  ที่น่าสงสารคือคนที่ไม่รู้ตัว แล้วเราจะช่วยเหลือเขาได้มั๊ย

ขั้นแรก เจ้าตัวต้องยอมรับความจริงก่อน ยอมรับว่าตัวตนของตัวเองเป็นอย่างที่มีคนชี้แนะ

ขั้นที่สอง เมื่อรู้ตัวและยอมรับตามความเป็นจริง ก็ลงมือทำตัวเองใหม่ โดยใช้หลัก “คิดดี พูดดี ทำดี”

หลายคนบอกว่า คำว่า “คิดดี พูดดี ทำดี” เหมือนเป็นนามธรรม เป็นวลีเด็ด เป็นคติธรรมประจำใจ หลายคนท่องขึ้นใจ เหมือนรู้ แต่ปฏิบัติตัวไม่ถูก เพราะคิดว่าที่ทำลงไปก็ได้คิดดีแล้ว อยากบอกว่าก็เพราะไม่ได้คิดแบบใจเขาใจเรา ถ้าคิดมองให้รอบด้าน 360 องศา ตามที่พระท่านได้สอน คุณจะไม่ทำให้ผู้อื่นต้องรู้สึกแย่ ๆ เลย

ฉะนั้น  ต่อให้มีพระดี ๆ ครูดี ๆ หรือพระครูดี ๆ แต่นิสัยส่วนตัวของศิษย์แย่ ก็อย่าเผลอไปต่อว่าที่ท่าน ต้องว่าที่ศิษย์นั่นแหละ ในที่นี้ จึงขอยกตัวอย่างให้เห็นแบบจับต้องเป็นรูปธรรม หรือนำไปปฏิบัติตามได้เลย เป็นการ์ดที่ส่งมาจากไลน์น้อง เขียนสรุปแบบมีอ้างอิง อ่านแล้วเข้าใจง่าย ตรงประเด็น หัวข้อเรื่องคือ “บัญญัติ 10 ประการของชีวิตที่มีความสุข”

กล่าวโดยสรุปก็คือ “คิดดี พูดดี ทำดี” เหมือนอย่างที่พระท่านสอนนั่นแหละ ซึ่งเป็นหลักการให้ยึด แล้วนำไปปฏิบัติ พร้อมกับพิสูจน์ไปด้วยในตัว ที่สำคัญ ถ้ารู้แต่ไม่ทำก็ไร้ประโยชน์เพราะเหมือนคนไม่รู้อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ถ้ายังรู้ไม่หมด รู้ไม่ครบ หรือรู้ไม่จริง กับหลักคำสอนที่ว่า “คิดดี พูดดี ทำดี” ก็ให้ทำตามบัญญัติ 10 ประการให้ได้ก่อน เพราะถ้าใครสามารถทำครบทั้ง 10 บัญญัติข้างต้นได้ ก็เป็นปุถุชนที่ Perfect ทีเดียว  ใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้ หรือ ใคร ๆ ก็อยากให้เข้าร่วมก๊วนร่วมแก๊ง

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : na_diary & บัญญัติสิบประการ