พระพุทธศาสนา ตอนที่ 12 : กุศลกรรมบถ 10 ???
กุศลกรรมบถ 10 คือ กรรมดี 10 อย่าง เมื่อแบ่งแยกเสียใหม่ เหลือแค่ 3 กลุ่ม คือ ทาน ศีล และภาวนา http://winne.ws/n25152
เรามาศึกษาพระพุทธศาสนา ผ่านการพูดคุยของคนที่อยากรู้ตัวจริง
แอลัน : พรเมื่อคราวที่แล้วคุณพูดถึงอกุศล
กรรมบถ และผลกระทบ แล้วกุศล
กรรมบถล่ะครับ ท่านแบ่งอย่างไร?
พร : เรื่องกุศลกรรมบถ สามารถอธิบาย
ได้ 2 แบบ แบบหนึ่ง คือ การหลีก
เลี่ยงอกุศลกรรมบถ10 นั่นคือ
หลีกเลี่ยงการฆ่า การขโมย
การทำผิดทางเพศ ฯลฯ
อีกแบบหนึ่ง คือ การทำบุญ หรือ
ทำความดี ได้แก่ การทำทาน
รักษาศีล เจริญภาวนา การอ่อน
น้อมถ่อมตน ช่วยเหลือผู้อื่น
อุทิศส่วนบุญให้ผู้อื่น อนุโมทนา
บุญกับผู้อื่น การฟังธรรม
สั่งสอนธรรม ทำความเห็นให้ตรง
(เป็นสัมมาทิฏฐิ)
แอลัน : ถ้าอย่างนั้น กุศลกรรมก็มี 10
อย่างด้วยกัน ใช่ไหมครับ?
พร : ถูกแล้วครับ การอธิบายแบบที่สอง
นี้เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ การกระ
ทำเหล่านี้ย่อมส่งผลที่เป็นกุศล
มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า
การทำทานย่อมส่งผลให้เกิดความ
มั่งคั่งร่ำรวย การฟังธรรมและเจริญ
ภาวนา ย่อมส่งผลเป็นความฉลาด
ปราดเปรื่อง กรรมดีย่อมส่งผลดี
เช่นเดียวกันกับกรรมนั้นแหละครับ
แอลัน : ทำดีย่อมได้ดีเสมอ
พร : ครับ คุณพูดถูกแล้ว พระสัมมาสัม
พุทธเจ้ายังได้ตรัสด้วยว่า
“หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผล
เช่นนั้น”
แอลัน : เป็นพระพุทธวจนะที่มีเหตุผล
อย่างยิ่ง
พร : เมื่อคนเราคุ้นกับกรรมดี ก็ย่อมจะ
ไม่ทำกรรมชั่ว เพราะกลัวจะเป็น
บาป เกี่ยวกับผลของกรรมดีต่าง ๆ
พระพุทธศาสนาสอนให้พวกเราใส่
ใจในเรื่องทาน ยิ่งให้ทานมาก
ความเห็นแก่ตัวก็จะลดน้อยลง
ขณะเดียวกันเราก็สามารถช่วย
ผู้อื่นและสังคมได้ด้วย
พระพุทธองค์ตรัสว่า “การให้ย่อม
ผูกไมตรีไว้ได้” และ “ผู้ให้ย่อม
เป็นที่รักเสมอ ” การให้ (ทาน)
ย่อมนำความสุขมาให้ในชีวิตนี้
ทั้งจะก่อให้เกิดความมั่งคั่งใน
ชีวิตหน้าด้วย คนที่เกิดมามั่งคั่ง
ร่ำรวยย่อม (มีโอกาส) หลีกเลี่ยง
งานที่เป็นมิจฉาชีพได้ สถานภาพ
เช่นนี้ย่อมเอื้ออำนวยให้บุคคลตั้ง
อยู่ในศีลธรรมได้
แอลัน : คนเราจะสามารถหลีกเลี่ยงอกุศล
กรรม แล้วประกอบกุศลกรรมอยู่
เป็นอาจิณได้ยังไงครับ?
พร : ท่านแนะนำว่า การปฏิบัติภาวนา
และการฟังธรรมเป็นกิจวัตรอย่าง
สม่ำเสมอจะช่วยสร้างนิสัยให้คุ้น
อยู่กับกรรมดี กิจทั้ง 2 อย่างนี้
จะยังผลให้เป็นคนฉลาดทั้งชาตินี้
และชาติหน้า ทั้งยังเอื้อให้เกิด
สัมมาทิฏฐิ ซึ่งจะยังผลต่อไปให้
เราเป็นคนรู้ลึกซึ้งว่า อะไรถูก
อะไรผิด อะไรบุญ อะไรบาป
อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
โดยสรุปก็คือ เราจะปฏิบัติตัว
ห่างไกลจากอกุศลกรรมเสมอ
แอลัน : คุณกำลังบอกว่า การเจริญภาวนา
เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนใช่ไหม
ครับ ?
พร : ครับ จำเป็นทีเดียว และเพื่อ
ประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ กรรมดีทั้ง
10 อย่างนี้ท่านก็แบ่งแยกเสียใหม่
เหลือแค่ 3 กลุ่ม คือ ทาน ศีล และ
ภาวนา
แอลัน : พร ผมคิดว่า ทุกคนต้องการเป็นคน
ดี คนที่ทำชั่วก็อาจเป็นเพราะถูก
บีบคั้นจากสถานการณ์บางอย่าง
หรือเพราะความโง่เขลาเบาปัญญา
นั่นเอง
พร : นี่คือเหตุผลที่พระพุทธศาสนาสอน
ให้เราเลือกคบบัณฑิตและกัลยาณ-
มิตร แทนที่จะคบกับคนพาลคนชั่ว
แอลัน : คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนยาก
จนที่จะมีโอกาสคบค้าสมาคมกับ
บัณฑิตหรือกัลยาณมิตร เพราะ
ส่วนมากอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อม
ที่เลวร้าย
พร : จากประสบการณ์ของผม ได้พบว่า
คนยากจนเป็นจำนวนมากตั้งอยู่ใน
ศีลธรรม และปฏิบัติตามกฎหมาย
ในทำนองกลับกัน ได้พบว่าคนร่ำ
รวยมากมายดำรงชีวิตอย่างผิดศีล
ธรรมและกฎหมาย อย่างไรก็ตาม
คนที่เกิดในครอบครัวที่มีอันจะกิน
ย่อมมีโอกาสทำดีได้มากกว่าเกิด
มาในครอบครัวยากจนข้นแค้น
พระพุทธศาสนาสอนว่า กรรมที่เรา
ก่อขึ้นในชาตินี้ จะเป็นตัวกำหนด
สภาพในชีวิตหน้าของเรา คุณจำ
ได้ไหมครับ ?
แอลัน : จำได้ครับ นี่หมายความว่า
พระพุทธศาสนาเชื่อเรื่องการเวียน
ว่ายตายเกิด ใช่ไหมครับ แล้วคุณ
เชื่อไหมครับ ?
พร : แน่นอนครับ แอลัน ขอให้ผมย้อน
กลับไปที่กุศลกรรมอีกครั้งนะครับ
ผมเชื่อว่าการประกอบกุศลกรรม
จนเป็นนิสัย ย่อมปกป้องผู้กระทำ
ให้พ้นจากการประกอบอกุศลกรรม
ทำนองเดียวกับไม่มีความมืดใน
ความสว่างนั่นแหละครับ
แอลัน : ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน พร
การคุยธรรมะกับคุณนี้มีคุณค่ามาก
พร : ขอบคุณครับ
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ :อ. สุวณีย์ ศรีโสภา (Cr. ครูบาอาจารย์ผู้ทุ่มเท)