พระพุทธศาสนา ตอนที่ 10 : กฎแห่งกรรม (2) !!!
กฎแห่งกรรมก็เหมือนกับกฎของนิวตัน เมื่อเราพูดถึงกฎแห่งกรรม เราจะมุ่งประเด็นไปที่ทั้งการกระทำและปฏิกิริยาตอบสนอง เจตนากระทำ คือ “กรรม” วิบากของกรรมคือ “ปฏิกิริยาตอบสนอง” http://winne.ws/n24939
เรามาศึกษาพระพุทธศาสนา ผ่านการพูดคุยของคนที่อยากรู้ตัวจริง
แอลัน : นี่หมายความว่า ชาวพุทธทุกคน
ต้องเกิดอีก ใช่ไหมครับ ?
พร : ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น
สิ่งที่ร้อยรัดเราไว้ในวัฏสงสาร ก็คือ
กิเลส อันได้แก่ โลภ โกรธ หลง
หมายความว่า สัตว์โลกทั้งหลายที่ยัง
มีกิเลสอยู่ก็จะต้องเวียนเกิดอย่าง
ไม่มีที่สิ้นสุดโดยไม่มีข้อยกเว้น
แอลัน : นี่เป็นความรู้ใหม่ของผมทีเดียว
แล้วผมจะต้องเกิดอีกไหม เกิดที่ไหน
ในเมืองไทย ในอังกฤษ หรือที่อื่น
และมีฐานะอย่าง รวยหรือจน
มีอิสระในการเลือกไหม ?
พร : ทางเลือกนั้นต้องทำในชาตินี้
เพราะ กรรมในชาตินี้คือ
ตัวกำหนดชีวิตหน้า
แอลัน : คุณพูดว่า คุณต้องเลือกการเกิดใน
ชาติหน้า ตั้งแต่ในชาตินี้
พร : ครับผมพูดเช่นนั้น ตามหลักพระ
พุทธศาสนา กรรมเป็นตัวกำหนด
ชาติหน้า หมายความว่ากรรมที่
เราก่อขึ้นในปัจจุบันถ้ายังไม่ออกผล
ในชาตินี้ ก็จะออกผลในชาติหน้า
หรือภพชาติต่อ ๆ ไป
แอลัน : หมายความว่า ชาติหน้าเราจะเกิด
เป็นอะไรนั้น กรรมในปัจจุบันจะเป็น
ตัวกำหนดเงื่อนไข ใช่ไหมครับ ?
พร : ถูกแล้วในทำนองเดียวกัน สภาวะ
ที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันชาติก็ถูก
กำหนดมาโดยกรรมในอดีตชาติ
ดังนั้น ถ้าเราปรารถนาจะเกิดมามี
ชีวิตที่รุ่งเรืองในชาติหน้า
เราก็ต้องสร้างบุญกุศลในชาตินี้
นี่คือความหมายของคำว่า
“เลือกเกิด” ในชาติหน้า
แอลัน : เมื่อคิดถึงความทุกข์ทรมานที่เกิดจาก
ผลกรรมชั่วแล้วน่าสยดสยองนะครับ
พร : ผมคิดว่าการเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม
มีประโยชน์มากทีเดียว โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง “ชนกกรรม” เมื่อเราเข้าใจ
ว่ากรรมทุก ๆ อย่างจะมีผลตอบสนอง
กลับมาเท่าที่เราลงมือกระทำไป
เราย่อมจะหลีกเลี่ยงการประพฤติชั่ว
เลวทรามได้ เมื่อเราเข้าใจว่ากรรมดี
ให้ผลเป็นความสุข เราย่อมจะหลีก
เลี่ยงกรรมชั่วและพยายามสร้างแต่
กรรมดีเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์
แอลัน : พร เมื่อกี้คุณพูดถึงเรื่องการกระทำ
และปฏิกิริยาสนองตอบ นั่นคือ
กฎทางฟิสิกส์ ใช่ไหม ?
พร : ครับ นิวตัน บัญญัติกฎนี้ขึ้นมาว่า
การกระทำทุก ๆ อย่างต้องได้รับ
ปฏิกิริยาสนองตอบเหมือนกันและ
เท่ากัน กฎแห่งกรรมก็เหมือนกับ
กฎของนิวตันนี่แหละ ทั้งนี้เพราะ
เมื่อเราพูดถึงกฎแห่งกรรมเราจะ
มุ่งประเด็นไปที่ทั้งการกระทำ และ
ปฏิกิริยาตอบสนอง เจตนากระทำ
คือ “กรรม” ส่วนวิบากของกรรม
คือ “ปฏิกิริยาตอบสนอง”
แอลัน : เข้าใจแล้วครับ เรื่องเหตุและผลไม่ได้
มีเฉพาะในเรื่องอริยสัจ 4 เท่านั้นนะ
ยังมีในกฎแห่งกรรมด้วย
พร : ถูกแล้วครับ เราจะพบเรื่องกฎแห่ง
เหตุและผลได้ ในพระธรรมเทศนา
ของพระพุทธองค์จำนวนมาก
แอลัน : แต่ผมยังสงสัยเรื่องผลของการกระทำ
โดยไม่ได้เจตนาอยู่ครับ
พร : อ๋อ ผมเข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร
ท่านกล่าวว่า การกระทำโดยไม่
เจตนาจะไม่ส่งผลในอนาคต
สมมติว่ายุงเกาะแขนคุณ แล้วคุณก็
ตบมันตาย การกระทำเช่นนี้มีเจตนา
เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นกรรมที่จะต้อง
เกิดผลแน่ ๆ แต่ในขณะที่คุณกำลัง
นอนหลับแล้วทับยุงตายโดยไม่รู้ตัว
การกระทำของคุณไม่มีเจตนา
ฉะนั้น การกระทำของคุณจึงไม่ก่อ
ให้เกิดผลในอนาคต ทั้งสองกรณีนี้
ใช้ได้กับการกระทำโดยเจตนาและ
ไม่เจตนาในเรื่องอื่น ๆ ด้วย
แอลัน : ผมสบายใจที่ได้ยินอย่างนี้ เพราะ
เมื่อวานผมขับรถทับลูกหมาตาย
โดยไม่ได้เจตนา
พร : การกระทำโดยไม่เจตนาชื่อว่าเป็น
กรรมที่ไม่ก่อให้เกิดผลเพราะไม่มี
ผลทางด้านศีล อย่างไรก็ตาม ควร
หลีกเลี่ยงการทำลายชีวิตกันดีกว่า
ถึงจะทำด้วยไม่มีเจตนาก็ตามเพราะ
สัตว์โลกทั้งหลายย่อม
“รักและหวงแหน” ชีวิตทั้งสิ้น
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ : อ. สุวณีย์ ศรีโสภา (Cr. ครูบาอาจารย์ผู้ทุ่มเท)
ขอขอบคุณรูปภาพ : กฎแห่งกรรม/2