พระพุทธศาสนา ตอนที่ 06 : ไตรลักษณ์ ?!?
ไตรลักษณ์ หมายถึงความจริงตามธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่ (หรือเป็นอยู่) และพบเห็นได้ในสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่นั้น ประกอบด้วย ลักษณะ 3 อย่างคือ ความไม่เที่ยง-อนิจจัง ความไม่พอใจ-ทุกขัง และ ความไม่ใช่ตน-อนัตตา http://winne.ws/n24706
เรามาศึกษาพระพุทธศาสนา ผ่านการพูดคุยของคนที่อยากรู้ตัวจริง
ทอม : เรื่องไตรลักษณ์เป็นคำสอนสำคัญเรื่องหนึ่ง
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช่ไหมครับ ?
พิม : ใช่ค่ะ เรื่องนี้เป็นคำสอบที่เป็นพื้นฐานสำคัญ
ของพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกับ อริยสัจ 4
กฎแห่งกรรม ปฏิจจสมุปบาท และ ขันธ์ 5
เรื่องไตรลักษณ์นี้เป็นส่วนของสิ่งที่เรียกว่า
แก่นแห่งปัญญาก็ว่าได้
ทอม : คุณช่วยอธิบายขยายความถึงประโยชน์ของ
การเข้าใจเรื่องไตรลักษณ์หน่อยได้ไหมครับ?
พิม : ประการแรกเราต้องทำความเข้าใจคำว่า
“ลักษณ์” ให้ชัดเจนเสียก่อน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้คำว่า “ลักษณ์”
ซึ่งหมายถึงความจริงตามธรรมชาติของสิ่งต่างๆ
ที่มีความเกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่(หรือเป็นอยู่)
และพบเห็นได้ในสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่นั้น
เมื่อเข้าใจธรรมชาติของสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่
เราย่อมรู้วิธีที่จะข้องเกี่ยวกับสิ่งนั้นได้อย่างฉลาด
ทำนองเดียวกับที่เรารู้ว่าธรรมชาติหรือ
ลักษณ์ของไฟก็คือความร้อน
เราจึงรู้วิธีใช้ประโยชน์จากไฟ
รู้จักควบคุมไฟฯลฯ
ทอม : ธรรมชาติที่สามารถพบได้ในสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่คืออะไร?
พิม : ธรรมชาติที่สามารถพบได้ในสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่
ประกอบด้วยลักษณะ 3 อย่างคือ
ความไม่เที่ยงแท้ หรือ อนิจจัง
ความทุกข์ หรือ ทุกขัง และ
ความไม่ใช่ตน หรือ อนัตตา
ทอม : นี่คือเหตุผลที่เรียกว่าไตรลักษณ์ ใช่ไหมครับ ?
พิม : ถูกแล้วค่ะ เมื่อเข้าใจธรรมชาติของสิ่งที่มีอยู่
เป็นอยู่เราย่อมรู้จักปล่อยวางได้
ทอม : เกิดขึ้นได้ยังไงครับ?
พิม : เมื่อเราเข้าใจว่าร่างกายของเราตลอดจน
สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนไม่คงที่
เข้าใจว่าเราต้องตายได้ทุกขณะ
เข้าใจเช่นนี้แล้ว
เราย่อมจะไม่ยึดมั่นถือมั่น
ในร่างกาย สมบัติ หรือแม้คนที่เรารัก
เราไม่ยึดมั่นถือมั่นกับคนหรือสิ่งเหล่านั้น
ก็เพราะเรารู้ว่าถ้าเราไปยึดติดเราก็จะเป็นทุกข์
และเพราะเรารู้ว่าเมื่อเราตายไป
เราก็ต้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง
เมื่อเรากำจัดความยึดมั่นถือมั่นได้
เราย่อมกำจัดอวิชชาออกไปได้ด้วย
จึงทำให้เกิดปัญญาและกรุณาขึ้นมาแทน
นอกจากนั้นเรายังจะเกิดกำลังใจที่จะปฏิบัติ
ต่อผู้อื่นด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
มากกว่าจะเอาเปรียบผู้อื่น
เพราะเหตุที่มีความกรุณาเราจึงมีความมุ่งมั่น
ที่จะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยการบริจาคหรือ
อุปถัมภ์องค์กรการกุศลอย่างเต็มความสามารถ
เพราะเหตุที่มีปัญญา เราจึงศรัทธามั่นว่า
กรรมดีที่เราทำในชาตินี้จะส่งผลดีในชาติหน้า
กล่าวโดยย่อก็คือ เรามีความมุ่งมั่นที่จะทำแต่
กุศลกรรมเพื่อสันติสุขของตัวเราและสังคมส่วนรวม
ความคิดเช่นนี้คือความคิดสั่งสมบุญบารมีนั่นเอง
ทอม : เอ้อ ผมยังไม่เข้าใจประโยชน์ของการเข้าใจเรื่องอนัตตา
พิม : ถ้าเราเข้าใจเรื่อง “อนัตตา”
ก็จะได้ประโยชน์อย่างน้อย 2 อย่าง
ประการแรกก็คือเราทุกคนจะสามารถคบค้าสมคมกับ
คนอื่นได้โดยปราศจากความหวาดกลัวหรือระแวง
ทั้งนี้ก็เพราะเราไม่ติดอัตตา ไม่ต้องคอยระวังปกป้อง
ตนเอง ทรัพย์สินเกียรติยศ ชื่อเสียง ความคิดเห็น
แม้กระทั่งคำพูดของเรา
ประการที่สองก็คือเราจะไม่สร้างกำแพงขึ้นระหว่าง
ตัวเรากับผู้คนอื่นๆ และสิ่งต่าง ๆ ที่แวดล้อมเราอยู่
ถ้าเราเชื่อมั่นในอัตตา เราย่อมจะปฏิบัติต่อคนอื่น
และสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราด้วยความโลภ หรือไม่ก็
ความโกรธ อาฆาตพยาบาท ในกรณีเช่นนี้ อัตตา
จึงเป็นแหล่งกำเนิดและเป็นเหตุแห่งทุกข์
ทอม : อืม การเข้าใจเรื่องไตรลักษณ์นี่ ไม่ได้มีประโยชน์
เฉพาะในชีวิตประจำวันเท่านั้นนะ
แต่ยังมีคุณค่าต่อสังคมและชาวโลกอีกด้วย
พิม : จริงทีเดียวค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ : อ. สุวณีย์ ศรีโสภา (Cr. ครูบาอาจารย์ผู้ทุ่มเท)
ขอขอบคุณรูปภาพ : ไตรลักษณ์