ทำไมเราจึงมีความเคารพนับถือบูชา ??? พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าทรงเป็นที่พึ่งอันสูงสุด
เพราะพระองค์เป็นมนุษย์ที่เลิศด้วยพระปัญญาธิคุณ หรือพูดภาษาชาวบ้านว่าทรงเก่งที่สุดเท่าที่มนุษย์จะเป็นเป็นได้ เพราะทรงเก่งกล้าสามารถปราบกิเลสได้ด้วยพระองค์เอง http://winne.ws/n22506
ถาม : ทำไมเราจึงนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เป็นที่พึ่งสูงสุด ทั้งที่พระองค์ก็มาจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ?
หลวงพ่อตอบ : ชาวพุทธที่แท้จริงเป็นคนมีเหตุผล ไม่ใช่คนงมงายเชื่อง่าย การที่คนใดคนหนึ่งจะเลือกใครมาเป็นศาสดาที่เคารพของตนนั้น ที่ถูกต้องแล้วเขาควรจะต้องคำนึงถึงประวัติของศาสดานั้นๆเสียก่อนว่า
๑. เป็นบุคคลที่มีประวัติชัดแจ้ง ว่ามีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์โลก ไม่ใช่เป็นเพียงบุคคลที่ประวัติไม่ชัดแจ้งหรือคลุมเครือ ไม่น่าเชื่อถือ
๒. เป็นบุคคลที่มีสติปัญญาความรู้ และคุณธรรมมาก รู้เรื่องโลกและชีวิตอย่างลึกซึ้ง ที่เรียกว่าตรัสรู้ และคิดค้นคำสอนได้ด้วยตนเองไม่ใช่แอบอ้างเอาคำสั่งสอนของคนอื่นมาสอนต่อ คือต้องเป็นผู้ที่มีความรู้จริง มีความสามารถจริงด้วยตัวเอง
๓. คำสั่งสอนของศาสดานั้นๆ เป็นคำสอนที่สาวกหรือลูกศิษย์สามารถประพฤติปฏิบัติตามจนบังเกิดผลดีได้ หรือมีความสุขได้จริง
ถ้าไม่มีใครสามารถประพฤติตามคำสอนเหล่านั้นได้เลย ก็แสดงว่าคำสอนเหล่านั้นไร้ประโยชน์ เพราะใครๆ ก็ทำตามไม่ได้
เมื่อพิจารณาตามหลักเกณฑ์เหล่านี้แล้วก็จะทราบว่า การที่ชาวพุทธเคารพนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งสูงสุดอย่างเต็มภาคภูมิเพราะเหตุที่ สอดคล้องกันทั้ง ๓ ประการ คือ
๑) พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบุคคลที่เคยมีตัวตนจริงอยู่ในโลกมนุษย์ประวัติศาสตร์รับรองและระบุถึงผู้ให้กำเนิดชีวิตแก่พระองค์อย่างชัดแจ้งเหมือนมนุษย์ทั่วไป
ยิ่งกว่านั้นยังทรงมีชาติตระกูลสูง คือเป็นถึงพระโอรสของกษัตริย์ ซึ่งบ้านเมืองที่เคยรุ่งเรืองในประวัติศาสตร์มีตำแหน่งแหล่งที่ปรากฏอยู่ในแผนที่โลกมาถึงปัจจุบัน
๒) พระองค์ทรงกระทำความเพียร ค้นคว้าหาสัจธรรมโดยลำพัง จนได้ตรัสรู้เอง ทรงบัญญัติคำสอนโดยใช้ความสามารถของพระองค์เองโดยแท้ ไม่ได้รวบรวมคำสอนของคนอื่นมาอ้างว่าเป็นของตนเอง
หรืออ้างเลยไปถึงว่าได้นำคำสอนของผู้มีอำนาจบนสวรรค์มาสอน ซึ่งเท่ากับเป็นการอาศัยอิทธิพลผู้อื่น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศชัดว่าตรัสรู้ธรรมด้วยพระองค์เอง ไม่อยู่ในอาณัติของใคร ไม่เป็นทาสรับใช้ใคร และไม่บังคับให้ใครเชื่อคำสอนของพระองค์
๓) คำสอนของพระพุทธองค์ทุกๆคำ เป็นสัจธรรม คือเป็นความจริงล้วนๆ ที่ไม่เคยล้าสมัย ข้อใดที่พระองค์ตรัสว่าควรกระทำ ข้อนั้นถ้าใครตั้งใจทำตาม ก็ได้ผลดีจริง
ส่วนข้อใดที่พระองค์ตรัสว่าควรละเว้น ถ้าหากใครฝ่าฝืนไปทำ ก็ได้รับผลเป็นความทุกข์จริง ฉะนั้นคำสอนของพระองค์ที่เราเรียกว่า "พระธรรม" จึงเป็นความจริงที่ไม่เคยล้าสมัย
แม้ทุกวันนี้ หากใครประพฤติตามย่อมได้รับผลดี คือไม่ตกไปสู่ฐานะอันชั่วต่ำ เช่น ไม่ตกไปเป็นโจร ไม่เป็นอันธพาล ไม่เป็นคนเลว ตายแล้วก็ไม่ตกไปสู่อบายภูมิ
ยิ่งกว่านั้นในการสอนธรรม แม้พระองค์ต้องทรงเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่งยวด อีกทั้งยังต้องเผชิญต่อการมุ่งร้ายหมายชีวิตจากฝ่ายปรปักษ์อย่างแสนสาหัส
พระองค์ก็มิได้ทรงท้อถอย และยังมิได้ทรงปรารถนาจะรับหรือเรียกร้องสิ่งตอบแทนใดๆ จากผู้ฟังคำสอนของพระองค์เลย
แม้ในที่สุดเมื่อใครจะบูชาพระองค์ด้วยอามิส คือสิ่งของมีค่า พระองค์กลับทรงแนะนำว่า การบูชาด้วยอามิสบูชาอย่างนั้น สู้การปฏิบัติบูชาไม่ได้ นี่ย่อมแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณอันเลิศศาสดาใดๆ ในโลกก็ไม่อาจเทียบได้
นอกจากนี้ สาวกของพระองค์ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน เมื่อตั้งใจปฏิบัติตามพระธรรม และพระวินัยที่ทรงสั่งสอนไว้ ก็สามารถเป็นผู้บริสุทธิ์กายวาจา ใจ หมดกิเลส มีความสุขอันเป็นอมตะตามพระองค์
ซึ่งเท่ากับได้เป็นพยานยืนยันพระบริสุทธิคุณได้ว่า คำสอนของพระองค์ซื่อตรงถูกต้องดีจริง มนุษย์ทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้และได้ผลจริง สาวกของพระองค์ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในยุคนั้นมีนับเป็นล้านๆ องค์
โดยสรุป เราชาวพุทธ เคารพนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งสูงสุด โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ทั้งที่พระองค์มาจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เพราะพระองค์เป็นมนุษย์ที่เลิศด้วยพระปัญญาธิคุณ หรือพูดภาษาชาวบ้านว่าทรงเก่งที่สุดเท่าที่มนุษย์จะเป็นเป็นได้ เพราะทรงเก่งกล้าสามารถปราบกิเลสได้ด้วยพระองค์เอง
และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทุ่มเทสอนวิธีปราบกิเลสให้คนทั้งโลกเหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่ทรงหวังสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
เราเชื่อในพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ เราจึงพร้อมที่จะยึดถือเอาพระองค์เป็นที่พึ่ง ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านโดยไม่ลังเลใจ เพื่อจะได้หมดกิเลสตามพระองค์ไปในที่สุด
Cr.หลวงพ่อตอบปัญหา
วารสารอยู่ในบุญ