สวดธรรมจักรเป็นนิจ พิชิตโรคขี้น้อยใจ
ความเศร้าหมอง ขี้น้อยใจ เป็นโรคร้ายที่แก้ยาก เหมือนมันจะมีเชื้อเล็ก ๆเกาะติดที่ใจเรา มันคอยส่งกระแสทำร้ายใจเรา เมื่อได้รับสิ่งที่มากระทบ ด้วยการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การได้ลิ้มรสและสัมผัส เพียงนิดก็จะทำให้เศร้าและเสียใจได้ง่าย ๆ http://winne.ws/n22047
สวดธรรมจักรบูชาพระพุทธเจ้าเป็นนิจ พิชิตโรคขี้น้อยใจ
หากเราเป็นโรคบางอย่างที่เกี่ยวกับลำคอ เช่นเป็นหวัด ไอ มีเสมหะมาก เรื้อรังจนเสมหะเหนียวมาก ๆ คุณหมอจะมียาละลายเสมหะ มาให้เรากินละลายเสมหะ
แต่มีบางโรคที่กินยาก็ไม่หาย เมื่อเกิดกับใคร ช่างน่าสงสารใจของเขาเหลือเกิน นั่นคือโรคใจเศร้าหมอง ขี้น้อยใจ จิตใจอ่อนแอ บ่อน้ำตาตื้น เป็นนักร้อง..ไห้ชื่อดังในหมู่เพื่อนฝูงเลยละก็ รักษาอย่างไรก็หายยากจริง ๆ
ความเศร้าหมอง ขี้น้อยใจ เป็นโรคร้ายที่แก้ยาก เหมือนมันจะเกาะติดเล็ก ๆ ที่ใจเรา มันคอยส่งกระแสทำร้ายใจเรา เมื่อได้รับสิ่งที่มากระทบ ด้วยการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การได้ลิ้มรสและสัมผัสด้วยกาย ที่ทำให้หวนระลึกหรือถูกกระตุกให้คิดเรื่องราวที่ทำให้เศร้า ทำให้มีอุปนิสัยโศกเศร้าง่าย เสียใจง่าย มักคิดแง่ลบกับตัวเอง กระแสนี้มันติดแค่เบา ๆ แต่เบามากจนยากที่จะเขย่าอย่างไรก็ไม่หลุด มีอย่างเดียวต้องละลาย
แล้วทำอย่างไรล่ะ จะช่วยได้ เพราะคนขี้น้อยใจเจ้าน้ำตา มักมีจิตโศกบ่อย ๆ เริ่มจากกระแสเเล็ก ๆ แล้วก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการคิดน้อยใจตนเอง จนกระทั่งกระแสความน้อยใจควบคุมปิดบังใจเราได้ทั้งหมด ทำให้เห็นอะไร ได้ยิน อะไร ๆ ไม่ชัด เลยต้องปะติดปะต่อเอาเอง เรียกว่าคิดเองเออเอง แล้วก็แอบไปร้องไห้ บางคนถึงขนาดจะฆ่าตัวตายหรือประชดชีวิตด้วยการหนีหายจากกันไปเลย
แต่เดี๋ยวนี้มียาละลายกระแสแห่งความน้อยใจนี้แล้ว นั่นก็คือบทสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร สวดมาก ๆ นาน ๆ บ่อย ๆ แรก ๆ ก็สู้กัน แต่เมื่อเรามีสมาธิทำให้มีสติมากขึ้นจากการยอมให้บทสวดเข้ามาไหลผ่านในใจเรา เราจะรู้ว่า กระแสแห่งความโศกและน้อยใจนั้นละลายไปแล้ว ยิ่งสวดนานขึ้น (เปล่งเสียงแค่ให้เราได้ยินคนเดียวก็พอ) สวดสัก 7-10 จบ ต่อวัน อย่างมีสติต่อเนื่อง ก็จะยิ่งเกลี้ยงเกลา แต่ถ้าอยากหายขาด ไม่เปิดโอกาสให้กระแสนั้นมาทำร้ายใจเราอีก ละก็ ต้องสวดทุกวัน ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 - 10 เดือน จะเห็นผลชัดเจน..ยิ่งสวดเป็นปีจนเป็นนิสัย ก็จะไม่มีโอกาสได้น้อยใจอีกเลย...แต่เราจะเป็นคนใหม่ที่มีเหตุผลมากขึ้น มองโลกตามความเป็นจริงมากขึ้น..คุ้มไหม ?
ดีกว่าทนทุกข์ทรมานเวลาเกิดอาการที่เราเองควบคุมไม่ได้ แล้วยังทำให้ฝังรากลึกลงไปอีกทุกครั้งที่เกิดอาการ และอันตรายมาก ถ้าวินาทีสุดท้ายของชีวิตมาถึงแล้วอาการนี้มาเกิดพอดี ดังตัวอย่างกล่าวไว้ว่า "พระเจ้าอโศกมหาราช รบชนะข้าศึกมากมาย สร้างบุญใหญ่ด้วยการสร้างพระเจดีย์ ถึง 84000 องค์ และอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอีกมากมาย แต่พอวินาทีสุดท้ายมาถึงกลับเป็นโรคน้อยใจ จนได้ไปเกิดเป็นงูเหลือม" เสียนี่
โรคนี้ไม่มีอาการุนแรง แต่คุกรุ่น ยาวนาน ซ่อนตัวเงียบ ๆ คล้ายไม่มีอะไร โปรดสังเกตคนใกล้ตัว เพราะมันจะไม่ค่อยแสดงอะไรออกมาให้เรารู้ แต่มักจะรู้ก็ตอนที่สายเกินแก้เสียแล้ว
นี่แหละถึงบอกว่าคุ้มสุดคุ้ม ลงทุนสวดธรรมจักร วันละหลาย ๆ จบ ไม่ต้องเสียตังค์ด้วย ประหยัดสุด แต่ประโยชน์สูงสุดเลย
อย่าคิดว่าสวด ตั้ง 5 เดือน 10 เดือน นานจังเลย อ้าวก็กิเลสตัวนี้ น่าจะติดมานับชาติไม่ถ้วนแล้วมั้ง แต่ชาตินี้มาหลุด เพราะสวดธรรมจักร ไม่เรียกว่าบุญมหาศาล จนบาปบอมแพ้ จะเรียกว่าอะไร ถ้าไม่งั้นก็ต้องทนร้องไห้ต่ออีกหลายชาติ ดังคำกล่าวที่ว่า "น้ำตาที่ร้องไห้ในแต่ละชาติที่เกิดมาแล้วเสียใจรวมกัน มากกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก"
สวดเถอะ ก่อนที่จะถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต จะแก้ไม่ทัน เสี่ยง..สูงมาก
ต้นไม้ใกล่ฝั่ง
28ม.ค.2561
เผยแพร่โดย กองบรรณาธิการ winnews