อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?! 5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนยาพิษที่ทำลายความฉลาดของลูก เพราะลูกที่อยู่ในอารมณ์โกรธ หรือซึมเศร้าเป็นเวลานานๆนั้น สมองจะหลั่งสารคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ในการทำลายความเจริญเติบโตของสมองเด็ก ทำให้การพัฒนาความฉลาดของลูกถูกยับยั้งอย่างไร http://winne.ws/n21925

1.2 พัน ผู้เข้าชม
อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?!  5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

เรื่องอาหาร เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเด็กเล็ก เพราะหากให้ลูกทานอาหารที่ไม่ดี ไม่มีคุณค่าทางสารอาหาร ก็อาจทำให้พัฒนาการของลูกช้า ไม่เป็นไปตามวัยได้อาหารอันตรายกินแล้วทำให้ลูกโง่ และพัฒนาการช้า อาหารบางอย่างก็เป็นอันตราย และส่งผลเสียต่อพัฒนาการของลูกได้ อาหารอันตรายกินแล้วทำให้ลูกโง่ และพัฒนาการช้า มีอะไรบ้าง ไปติดตามกันเลย

อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?!  5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

1. ขนมหวานที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก

การให้เด็กทานขนมหวานที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก นอกจากจะทำให้ลูกอ้วน มีน้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว น้ำตาลที่มีมากในขนมหวานยังมีส่วนทำลายสมองของลูกน้อยได้อีกด้วย ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกต จากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมาพบว่า หากเด็กได้รับน้ำตาลฟรุกโตสมากเกินไป อาจส่งผลต่อการหลั่งสารอินซูลิน ซึ่งจะทำให้สมองประมวลผลผิดพลาด ทำงานด้อยลง และส่งผลเสียต่ออารมณ์ของความคิดของเด็กได้ฃ

อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?!  5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

2. อาหารจานด่วนอาหารจานด่วนประเภทจังก์ฟู้ด หรือที่แปลเป็นภาษาไทยตรงตัวว่า อาหารขยะ หมายถึงอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการใดๆ (Non-Nutritional Value) มักมีสารอาหารไม่ครบถ้วน นอกจากนี้ อาหารจังก์ฟู้ดบางชนิดยังใส่สารกันบูด หรือมีเกลือ ซึ่งมีโซเดียมในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งจะก่อให้เกิดโทษกับร่างกาย ทำให้เป็นโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต และโรคหัวใจได้ ยิ่งถ้าเด็กในวัยกำลังเจริญเติบโต บริโภคอาหารประเภทจังก์ฟู้ดมากเกินไป เด็กก็จะได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาสมอง ซึ่งจะส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กในระยะยาวได้ครับ

อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?!  5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

3. อาหารแช่แข็ง และอาหารกึ่งสำเร็จรูป

อาหารกึ่งสำเร็จรูป หรืออาหารประเภทที่แค่นำออกมาจากช่องแข็ง ก็นำมาอุ่นพร้อมรับประทานได้เลย รวมถึงอาหารกระป๋อง เป็นอาหารที่ไม่ควรให้เด็กก่อนวัยเรียนได้ทานบ่อยๆ เพราะอาหารเหล่านี้ ต้องผ่านกระบวนการยืดอายุอาหาร เพื่อให้เก็บไว้ทานได้นานขึ้น นอกจากจะมีสารเคมีแล้ว อาหารเหล่านี้ยังไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ หากให้ลูกทานมากๆ จะสะสมในร่างกาย ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อมขึ้นได้เมื่อลูกน้อยโตขึ้น

อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?!  5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

4. โปรตีนแปรรูปเนื้อสัตว์ เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูง 

ซึ่งจะให้ประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ควรได้รับจากเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ ไม่ผ่านการแปรรูป สำหรับเนื้อสัตว์ที่ผ่านการแปรรูป เช่น ไส้กรอกบางชนิด หรือ แฮมบางชนิด เป็นโปรตีนแปรรูป ซึ่งจะมีการผสมสารเคมีที่ใช้ในการแปรรูปอาหาร อย่างสารกันบูด และโซเดียมสูง หากให้ลูกทานโปรตีนแปรรูปเหล่านี้บ่อยๆ จนสะสมในร่างกายมากๆ ก็จะส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ในการประมวลผลต่างๆ ทำให้การเรียนรู้ และการจดจำทำได้ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก

อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?!  5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

5. ชาและกาแฟ

โดยส่วนมากแล้ว มักจะไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหน ให้ลูกวัยก่อนเข้าเรียน ดื่มชาและกาแฟกันอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่คิดจะให้เด็กได้ลองดื่มชาและกาแฟ คาเฟอีนในชาและกาแฟจะส่งผลให้ประสาทตื่นตัว นอนไม่หลับ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก อีกทั้งยังขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กในกระแสเลือด เพื่อส่งออกซิเจนไปยังสมอง สำหรับพัฒนาการทางสมองของเด็กอีกด้วยนะครับปัจจัยที่ส่งผลต่อความฉลาดของลูกไม่ใช่ว่าเพียงแค่การที่ลูกกินอาหารที่กล่าวมาข้างต้น แล้วจะส่งผลทำให้ลูกมีพัฒนาการช้า และทำให้ลูกฉลาดน้อยลงเสียทีเดียว 

อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?!  5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

ปัจจัยที่จะส่งผลถึงความฉลาดของคนเรานั้น หลักๆแล้วมีอยู่ 2 ประการ ซึ่งดร.แพง ชินพงศ์ ได้อธิบายไว้ ซึ่งได้แก่

ปัจจัยที่จะส่งผลถึงความฉลาดของคนเรานั้น หลักๆแล้วมีอยู่ 2 ประการ ซึ่งดร.แพง ชินพงศ์ ได้อธิบายไว้ ซึ่งได้แก่

1. พันธุกรรม

2. สิ่งแวดล้อม ซึ่งได้แก่ การอบรมเลี้ยงดู อาหารการกิน ฐานะทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยรอบตัวแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าความฉลาดจะเกิดจากสิ่งใดก็แล้วแต่ ความฉลาดเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ และสามารถพัฒนาได้ดีตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัย 3 ปีแรกนั้น สมองจะเจริญเติบโตและพัฒนาได้มากถึง 80% ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกฉลาดจึงควรต้องใส่ใจดูแลลูกเป็นพิเศษ พร้อมทั้งป้องกันสิ่งที่เป็นอุปสรรคที่จะทำให้สมองของลูกเราไม่พัฒนา

ซึ่งได้แก่ การอบรมเลี้ยงดู อาหารการกิน ฐานะทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยรอบตัวแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าความฉลาดจะเกิดจากสิ่งใดก็แล้วแต่ ความฉลาดเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ และสามารถพัฒนาได้ดีตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัย 3 ปีแรกนั้น สมองจะเจริญเติบโตและพัฒนาได้มากถึง 80% ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกฉลาดจึงควรต้องใส่ใจดูแลลูกเป็นพิเศษ พร้อมทั้งป้องกันสิ่งที่เป็นอุปสรรคที่จะทำให้สมองของลูกเราไม่พัฒนา

อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?!  5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

ซึ่งปัจจัยอื่นๆ ที่อาจจะส่งผลให้ลูกเป็นเด็กไม่ฉลาด หรือสมองไม่พัฒนา ตัวอย่างดังนี้

- เด็กได้รับสารอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่ การที่ลูกได้รับสารอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่นั้น นอกจากจะมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตของสมอง ซึ่งนั่นคือการทำลายความฉลาดของเด็กโดยตรง ยังส่งผลทำให้ร่างกายของเด็กอ่อนแอ ไม่เติบโตสมวัยอีกด้วย

สภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษ ไม่ว่าจะเป็นจากควันบุหรี่ ควันพิษท่อไอเสีย หรือสารปรอท สารตะกั่วจากโรงงาน สารพิษเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำลายสมองเด็กแล้ว ยังเป็นพิษต่อร่างกายของทั้งลูกและคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย

เด็กขาดการสัมผัสกับสังคม เกิดจากการที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นแบบต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยมีการพูดคุย ซึ่งจะทำให้ลูกขาดพัฒนาการด้านภาษาและมนุษยสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นสาเหตุที่สำคัญสาเหตุหนึ่งที่สกัดกั้นความฉลาดของเด็กเพราะเด็กจะขาดโอกาสที่จะเรียนรู้แลกเปลี่ยนนั่นเอง

– เด็กขาดประสบการณ์เรียนรู้ที่ดี เช่น พ่อแม่ไม่มีเวลาพาลูกไปเปิดหูเปิดตา หาประสบการณ์จากแหล่งเรียนรู้นอกบ้าน รวมทั้งไม่ส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้อื่นๆ เช่น กิจกรรมดนตรี กิจกรรมศิลปะ หรือกิจกรรมกีฬา และการออกกำลังกาย

อยากให้ลูกฉลาดอย่าให้ลูกกิน!?!  5 ประเภทอาหารชลอพัฒนาการสมองของเด็ก

– เด็กมีสุขภาพจิตไม่ดี เนื่องมาจากขาดความรัก ความเอ็นดู และความอบอุ่นจากครอบครัว หรือบางกรณี อาจเกิดจากการเลี้ยงดูที่เข้มงวดมากจนเกินไป และบังคับให้เด็กต้องทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบหรือไม่ถนัด ส่งผลให้ลูกเกิดความเครียด มีความวิตกกังวลสูง มองตัวเองในแง่ลบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนยาพิษที่ทำลายความฉลาดของลูก เพราะลูกที่อยู่ในอารมณ์โกรธ หรือซึมเศร้าเป็นเวลานานๆนั้น สมองจะหลั่งสารคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ในการทำลายความเจริญเติบโตของสมองเด็ก ทำให้การพัฒนาความฉลาดของลูกถูกยับยั้ง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความฉลาดของลูกนั้น อยู่ที่การเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นสำคัญ อย่าท้อแท้ที่วันนี้ลูกของเราอาจจะยังไม่เก่งหรือยังไม่ฉลาด เพราะหากคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูเขาด้วยความรักและเอาใจใส่แล้ว ความฉลาดของลูกก็จะพัฒนาขึ้นมาได้ในที่สุดครับ


ขอบคุณข้อมูลจาก

เพจยิ้มเข้าไว้

ภาพจาก www.google.co.th

แชร์