ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ที่กล่าวไว้ในบทสวดพาหุงฯ ๘ บท มีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย!!!
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า๑. ชัยชนะต่อพญามาร ๒. ชัยชนะต่ออาฬวกยักษ์ ๓. ชัยชนะต่อช้างนาฬาคีรี ๔. ชัยชนะที่มีต่อองคุลิมาล ๕. ชัยชนะที่มีต่อนางจิญจมาณวิกา ๖. ชัยชนะที่มีต่อสัจจกนิครนถ์ ๗. ชัยชนะที่มีต่อนันโทปนันทนาคราช ๘. ชัยชนะที่มีต่อพกพรหม http://winne.ws/n20861
ในบทสรรเสริญพุทธคุณในพุทธชัยมงคลคาถา บทที่ ๑ ว่า
" พาหุํ สหสฺสมภินิมฺมิตสาวุธนฺตํ
คฺรีเมขลํ อุทิตโฆรสเสนมารํ
ทานาทิธมฺมวิธินา ชิตวา มุนินฺโท
ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิพระจอมมุนีได้ชัยชนะพญามาร ผู้เนรมิตแขนตั้งพัน มีอาวุธครบมือ ขี่คชสารครีเมขล์พร้อมด้วยเสนามาร มาโห่ร้องกึกก้อง ด้วยธรรมวิธีมีทานบารมีเป็นต้น ด้วยเดชแห่งพุทธชัยมงคลนั้น ขอสรรพมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน "
ตอนที่๑. ชัยชนะที่มีต่อพญามาร
คำว่า มารหรือพญามาร แปลว่า ผู้ขวางความดี ขวางหนทางการสร้างบารมีของผู้ที่คิดจะสร้างบารมี นอกจากขัดขวางแล้ว ยังชักนำให้ทำในสิ่งที่เป็นบาปอกุศลอีกด้วย ให้สร้างกรรมพอกพูนอาสวกิเลสให้หนาแน่นจนเป็นผังสำเร็จ และต้องไปชดใช้กรรมอย่างทุกข์ทรมาน มีวิบากที่เป็นทุกข์ วนเวียนอยู่ในวัฏจักรของกิเลส กรรม วิบาก ยากที่จะหลุดพ้นจากภพทั้งสามได้ พญามารนี่แหละที่เป็นผู้ทำให้สรรพสัตว์หลงวนอยู่ในวัฏสงสาร
* เรื่องมีอยู่ว่า พญามารได้ตามรังควานพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรามาตลอดตั้งแต่ครั้งทรงออกผนวช ก็เอาสมบัติจักรพรรดิมาล่อ แต่ไม่สำเร็จ จึงปิดบัง เห็น จำ คิด รู้ ของพระองค์ ไม่ให้รู้หนทางสายกลาง ทำให้ต้องเสียเวลาในการบำเพ็ญเพียรทุกรกิริยานานถึง ๖ ปี แต่ในที่สุดเมื่อบารมีแก่รอบ พระองค์ก็ทรงสามารถเอาชนะพญามารได้
ในวันที่พระมหาบุรุษจะตรัสรู้นั้น พระองค์ประทับนั่งอยู่ที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์หรือต้นโพธิ์ตรัสรู้ ทรงหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก มีพระทัยตั้งมั่น ประทับนั่งคู้บัลลังก์ โดยตั้งสัตยาธิษฐานว่า "แม้เนื้อและเลือดในสรีระเราจะแห้งเหือดไปหมดสิ้น จะเหลือแต่หนัง เอ็น กระดูกก็ตามที หากเรายังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ก็จักไม่ทำลายบัลลังก์นี้" คือ จะไม่ลุกจากที่
พญามาร
พญามารล่วงรู้ถึงความคิดนั้นก็ทนไม่ได้ จึงคิดทำลายความตั้งใจของพระมหาบุรุษให้ได้ มิฉะนั้นแล้วพระองค์จักพ้นไปจากอำนาจของมาร พญามารจึงบอกความนั้นแก่กองกำลังของมาร แล้วรวบรวมเสนามาร และไพร่พลมารทั้งหมด ยกทัพมาปราบพระโพธิสัตว์ โดยมีพลพรรคของเสนามารพวกที่อยู่ทัพหน้าเป็นทางยาวถึง ๑๒ โยชน์ กองทัพด้านขวาซ้าย ด้านละ ๑๒ โยชน์ ส่วนทัพหลังตั้งอยู่จรดขอบจักรวาล สูงขึ้นเบื้องบน ๙ โยชน์ เมื่อพวกมารโห่ร้อง เสียงโห่ร้องนั้นเสมือนเสียงแผ่นดินคำรามตั้งแต่เก้าพันโยชน์ไป เทวบุตรมารขี่ช้างคิริเมขล์สูง ๑๕๐ โยชน์ เนรมิตแขนตั้งพัน ถืออาวุธนานาชนิด พวกหมู่มารที่เหลือล้วนมีรูปร่างน่าสะพรึงกลัวแตกต่างกันไป มีฤทธิ์มีเดชแตกต่างกันอีกด้วย ต่างมุ่งมาจู่โจมพระโพธิสัตว์จากทิศทั้งสี่
ขณะเดียวกันนั้นเอง เทวดาในหมื่นจักรวาล กำลังพากันกล่าวสดุดีพระโพธิสัตว์ โดยมีท้าวสักกเทวราชยืนเป่าสังข์วิชยุตร ซึ่งมีขนาดประมาณ ๑๒๐ ศอก พญากาฬนาคราชยืนพรรณนาพระคุณของพระโพธิสัตว์ ท้าวมหาพรหมยืนกั้นเศวตฉัตร เมื่อเหล่ามารจู่โจมเข้ามาใกล้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทวยเทพทั้งหมดก็เกิดอาการขนพองสยองเกล้า ตกอกตกใจกันไปหมด รีบเผ่นหนีไปสุดขอบจักรวาล พญากาฬนาคราชดำดินไปมัญเชริกนาคพิภพ ซึ่งมีขนาด ๕๐๐ โยชน์ นอนเอามือทั้งสองปิดหน้า ท้าวสักกเทวราชลากสังข์วิชยุตร พร้อมด้วยเหล่าทวยเทพหนีไปอยู่ขอบจักรวาล ท้าวมหาพรหมจับยอดเศวตฉัตรเสด็จหนีไปยังพรหมโลกทันที นี่พญามารมีฤทธิ์มีอานุภาพมากถึงเพียงนี้ ซึ่งอันที่จริงเทวดา พรหม หรืออรูปพรหมต่างมีอานุภาพ แต่ก็สู้พญามารไม่ได้ ทั้งก็ยังตกเป็นบ่าวเป็นทาสของเขาอยู่
พระโพธิสัตว์ถูกทอดทิ้งอยู่เพียงลำพังพระองค์เดียว ไม่มีใครเป็นที่พึ่งได้ จึงทรงรำพึงว่า "มารเหล่านี้ทำความพากเพียรใหญ่โต เพราะมุ่งหมายทำลายเราผู้เดียว ในที่นี้เราไม่มีพวกพ้องบริวาร มีแต่ทศบารมีเท่านั้น ที่เป็นเสมือนบริวารชนที่เราชุบเลี้ยงมาตลอดกาลนาน เพราะฉะนั้นเราควรทำบารมี ๓๐ ทัศ ให้เป็นยอดขุนพล เอาศาสตรา คือ บารมีนั่นแหละประหาร กำจัดหมู่พลมารนี้ให้ได้" ทรงนึกถึงบารมีทั้ง ๑๐ ทัศ รวมไปถึงอุปบารมีและปรมัตถบารมีเป็น ๓๐ ทัศ
เมื่อทรงรำลึกถึงพระบารมีทั้ง ๓๐ ทัศแล้ว พระองค์มิได้หวาดกลัวอานุภาพของพญามารและเสนามาร แม้พวกเสนามาร จะเปล่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สะเทือนไปทั่วทั้งภพสาม หวังจะทำให้มหาบุรุษหวั่นไหว ก็ไม่อาจเข้ามาใกล้พระมหาบุรุษได้ ด้วยอำนาจบารมีธรรมที่พระองค์สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
ถึงมารจะแสดงอาการข่มขู่เช่นไร พระมหาบุรุษยังคงประทับนั่งอยู่ที่รัตนบัลลังก์ โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย พญามารเห็นว่า บรรดาเสนามารมิอาจทำอันตรายพระมหาบุรุษได้ก็โกรธ คิดว่าเราจะต้องใช้อาวุธ ๙ ประการ ทำให้พระมหาบุรุษกลัวแล้วหนีไปให้ได้ พญามารพลันบันดาลให้เกิดพายุใหญ่พัดมาจากทั่วสารทิศ มีกำลังลมสามารถทำลายภูเขาใหญ่สูงถึง ๒ โยชน์ให้สลายไปในทันที แต่ลมนั้นกลับไม่อาจทำอันตรายแม้จีวรของพระมหาบุรุษให้ไหวได้ พญามารได้บันดาลให้เกิดมหาเมฆ ทำห่าฝนให้ตกลงมา น้ำฝนไหลนองไปทั่ว แต่ก็ไม่อาจทำให้แม้จีวรของพระมหาบุรุษเปียกได้
เมื่อพญามารไม่อาจทำอันตรายมหาบุรุษด้วยฤทธิ์ของตนได้ ก็โกรธมาก เร่งไพร่พลให้ไปจับพระมหาบุรุษมาประหารให้ได้ ตัวพญามารเองก็ไสช้างคิรีเมขล์เข้าไปยังต้นโพธิ์
ประกาศว่า "ดูก่อนสิทธัตถะ ท่านจงลุกขึ้นจากบัลลังก์นี้ รัตนบัลลังก์นี้ไม่ควรแก่ท่าน ควรแก่เราต่างหาก" พวกเสนามารพากันโห่ร้องรับกันลั่นไปทั่วภพสาม พระมหาบุรุษตรัสว่า "รัตนบัลลังก์นี้ บังเกิดขึ้นด้วยบุญของเรา หาได้เกิดเพราะบุญของท่านไม่ เพราะฉะนั้น เราจะไม่ยอมลุกเด็ดขาด"
พญามารขู่ว่า "ท่านไม่รู้จักกำลังของเรา เรามีพหลโยธามากมาย มีอาวุธครบครัน ส่วนตัวท่านนั้นมีเพียงลำพังคนเดียว ยังกล้ามาลองดีกับเราอีก" พระมหาบุรุษตรัสตอบว่า "ดูก่อนมาร แม้ตัวท่านก็ไม่รู้กำลังของเรา เราได้บำรุงเลี้ยงไพร่พลไว้มากมาย มีอาวุธพร้อมมือ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่กลัวท่าน บารมี ๓๐ ทัศ นี้เป็นโยธาของเรา" พระโพธิสัตว์ตรัสต่อว่า "พยานที่รู้เห็นการกระทำของเราไม่มี แต่พื้นดินอันหาวิญญาณมิได้นี้เป็นพยานของเรา เราได้สร้างมหาทานบารมีไว้ในสมัยเป็นพระเวสสันดรถึง ๗ ครั้ง"
พระองค์ได้เอ่ยอ้างมหาทานบารมีที่เคยสั่งสมไว้ แล้วทรงชี้นิ้วพระหัตถ์ขวาลงไปที่แผ่นดิน ลมและน้ำที่รองแผ่นปฐพีซึ่งหนา ๑,๐๑๔,๐๐๐ โยชน์ ก็ไหวก่อน จากนั้นมหาปฐพี ซึ่งหนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ ไหวขึ้น ๖ ครั้ง เสมือนรับรองพระดำรัสของพระองค์ น้ำซึ่งเกิดจากอานุภาพแห่งมหาทานบารมีของพระโพธิสัตว์ ได้หลั่งล้นท่วมท้นเสนามารทั้งหลาย มหาปฐพีปั่นป่วนกัมปนาท มหาเมฆร้องครืนปานภูเขาจะถล่มทลาย พญามารเห็นเช่นนั้น รู้สึกอัศจรรย์ใจ ครั่นคร้ามในพระเดชานุภาพ เทพเทวาต่างพากันประโคมดนตรีลือลั่นทั่วจักรวาล
ทันใดนั้นเอง อสนีบาตฟาดเปรี้ยงลงมา หมู่มารทั้งหลาย ต่างตื่นตระหนกตกใจกลัวบุญญานุภาพของพระมหาบุรุษ แม้ช้างคิรีเมขล์ก็ไม่อาจยืนต้านทานกระแสนํ้าได้ถึงกับคุกเข่าล้มลง มารที่นั่งบนคอช้างคิรีเมขล์ก็ตกลงมาที่แผ่นดิน แม้พวกเสนามารทั้งหมดต่างก็กระจัดกระจายไปในทิศใหญ่ทิศน้อย เหมือนรำแกลบที่กระจายไปทั่ว พญามารเกรงพระเดชาบารมี รีบหลบหนีไปซ่อนเร้นด้วยความเสียใจ ที่พ่ายแพ้พระบรมโพธิสัตว์
ถึงกระนั้นก็อดชมเชยพระบรมโพธิสัตว์ไม่ได้ว่า "บุคคลใดในโลกและเทวโลกที่จะเสมอด้วยพระองค์ไม่มี พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าผู้มีอานุภาพ มีเดชครอบงำสรรพสัตว์ทั้งหลาย จะขนหมู่สัตว์ผู้ชาญฉลาดให้ข้ามพ้นโอฆะได้ บรรลุฝั่งมหานฤพานอันเกษมในคราวนี้แน่นอน"
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ตอนที่ 2 พระพุทธเจ้ามีชัยชนะต่ออาฬวกยักษ์
http://www.winnews.tv/news/20885
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ตอนที่ 3 พระพุทธเจ้ามีชัยชนะต่อช้างนาฬาคีรี
http://www.winnews.tv/news/20922
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ตอนที่ 4 พระพุทธเจ้ามีชัยชนะต่อองคุลีมาล
http://www.winnews.tv/news/20946
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ตอนที่ 5พระพุทธเจ้ามีชัยชนะต่อนางจิญจมาณวิกา
http://www.winnews.tv/news/20962
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ตอนที่ 6 พระพุทธเจ้ามีชัยชนะต่อสัจจกนิครนถ์