ทึ่ง!เด็กชาย 7 ขวบ หนีการแต่งงานไปบวช

ประวัติสามเณรผู้มีบุญ น่าศึกษา สามเณรเรวตะ๗ขวบ บรรลุอรหันต์ ผู้ถูกมารดาบิดา #จับแต่งงาน แต่ท่านไม่ยินดี จึงหนีออกบวช http://winne.ws/n20081

1.0 พัน ผู้เข้าชม
ทึ่ง!เด็กชาย 7 ขวบ หนีการแต่งงานไปบวช

  ความพิสดารว่า ท่านพระสารีบุตร

เมื่อได้ละทรัพย์ ๘๗ โกฏิ (๘๗๐ ล้านบาท) บวชแล้ว

ก็ได้ชักชวน น้องสาว ๓ คน คือ นางจาลา นางอุปจาลา นางสีสุปจาลา และ น้องชาย ๒ คนนี้ คือ นายจุนทะ นายอุปเสนะ ให้บวชแล้วทั้งหมด #คงไว้แต่เรวตกุมารผู้เดียวเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่แล้วในบ้าน

     ในครั้งนั้นมารดาของท่านคิดว่า “อุปติสสะ(พระสารีบุตร) บุตรของเรา ละทรัพย์ประมาณเท่านี้บวชแล้วยังชักชวน น้องสาว ๓ คน น้องชาย ๒ คน ให้บวชอีกด้วย เรวตผู้เดียวเท่านั้นยังเหลืออยู่ ถ้าเธอจักชักชวนเรวตะนี้ให้ไปบวชอีกคนละก็ ทรัพย์ของเราก็จักฉิบหาย วงศ์สกุลก็จักขาดสูญ เรา #จักผูกมัดเรวตะนั้นไว้ด้วยการให้เขาแต่งงานเสียแต่ในเวลาที่เขาเป็นเด็กเถิด ”

ทึ่ง!เด็กชาย 7 ขวบ หนีการแต่งงานไปบวช

มารดาของพระสารีบุตรเถระนั้น

เมื่อจะจัดการให้เรวตกุมารผู้มีอายุ ๗ ขวบอยู่ข้องเกี่ยวกับโลกนั้น จึงหมั้นเด็กหญิงที่มีชาติตระกูลเสมอกัน เมื่อถึงกำหนดวันวิวาห์แล้ว ก็ได้ประดับตกแต่งกุมาร แล้วพาไปสู่เรือนของญาติเด็กหญิง พร้อมด้วยบริวารเป็นอันมาก

    ฝ่ายพระสารีบุตรเถระก็ได้สั่งภิกษุ

ทั้งหลายไว้ก่อนทีเดียวว่า “ผู้มีอายุ ถ้าเรวตะมาเพื่อประสงค์จะบวช ไซร้ พวกท่านจงให้เขาบวช เพราะ #มารดาของกระผมเป็นมิจฉาทิฏฐิ จะมีประโยชน์อะไรที่เรวตะจะบอกลาท่านทั้งสองนั้นเล่า? ขอให้ถือว่า #ผมเองเป็นมารดาและบิดาของเรวตะนั้น

ทึ่ง!เด็กชาย 7 ขวบ หนีการแต่งงานไปบวช

       ลำดับนั้นเมื่อพวกญาติของทั้ง

สองผู้ทำการมงคลประชุมกันแล้ว พวกญาติได้ให้เขาทั้งสองจุ่มมือลงในถาดน้ำแล้ว กล่าวมงคลทั้งหลาย หวังความเจริญแก่เด็กหญิง จึงกล่าวว่า “#เจ้าจงอายุยาวนานเหมือนยายของเจ้า นะแม่”

    เรวตกุมารจึงถามว่า “คนไหนเป็นยายของหญิง ?”

พวกญาติจึงได้บอกกะเขาว่า “พ่อ คนนี้ #มีอายุ ๑๒๐ ปี #มีฟันหลุด #ผมหงอก #หนังหดเหี่ยว #ตัวตกกระ #หลังโกง เจ้าไม่เห็นหรือ? นั่นเป็นยายของเด็กหญิงนั้น ”

    เรวตะเห็นดังนั้นจึงถามว่า ก็แม้หญิงนี้ จักเป็นอย่างนั้นหรือ?

พวกญาติก็ตอบว่า #ถ้าเธออายุมากเช่นนั้น ก็จักเป็นอย่างนั้นแหละ

      เรวตะนั้นคิดว่า “ได้ยินว่า รูปสรีระนี้ก็จักมีหนังเหี่ยวโดยทำนองนี้ จักมีผมหงอก ฟันหักโดยทำนองนี้ เราจะ #ยินดีในรูปเช่นนี้ไปทำไม เราจักไปตามทางที่อุปติสสพี่ชายของเราไปแล้วนั่นแหละ #ควรที่เราจะหนีไปบวชเสียในวันนี้แหละ ” ทีนั้น พวกญาติอุ้มเขาขึ้นสู่ยานอันเดียวกันกับเด็กหญิงพาหลีกไปแล้ว เขาไปได้หน่อยหนึ่งอ้างการถ่ายอุจจาระ พูดว่า “ท่านทั้งหลาย จงหยุดยานก่อน ฉันลงไปแล้วจักมา” ดังนี้แล้ว ลงจากยานทำให้ชักช้านิดหน่อยหนึ่ง ที่พุ่มไม้พุ่มหนึ่งแล้วจึงได้ไป เขาไปได้หน่อยหนึ่งแล้ว ก็อ้างเช่นเดิมแล้วลงไปอีก

พวกญาติของเขาก็คิดว่า “#เรวตะนี้หมั่นไปแท้ ๆ” จึงมิได้ทำการรักษาอย่างเข้มแข็ง เขาไปได้หน่อยหนึ่งก็ลงไปอีกด้วยการอ้างเช่นเดิมนั้นนั่นแหละแม้ แล้วพูดว่า “พวกท่าน จงขับไปข้างหน้า ฉันจักค่อย ๆ เดินมาข้างหลัง” จึงลงไปแล้ว ได้บ่ายหน้าตรงไปยังพุ่มไม้

      พวกญาติของเขาก็ได้ขับยาน

ไปด้วยสำคัญว่าเรวตะจักตามมาข้างหลัง ฝ่ายเรวตะนั้นหนีไปจากที่นั้นแล้ว ไปยังสำนักของภิกษุประมาณ ๓๐ รูป ซึ่งเป็นที่อยู่ #ของภิกษุผู้ถือบังสุกุลเป็นวัตรอยู่ในบริเวณหนึ่ง ไหว้พระเถระและเรียนว่า “ท่านขอรับ ขอท่านทั้งหลายจงให้กระผมบวช ”

พวกภิกษุ : ผู้มีอายุ เธอประดับด้วยเครื่องอลังการพร้อมสรรพพวกข้าพเจ้าไม่ทราบว่า เธอเป็นพระราชโอรสหรือเป็นบุตรของอำมาตย์จักให้เธอบวชอย่างไรได้ ”

เรวตะ : พวกท่านไม่รู้จักกระผมหรือ? ขอรับ

พวกภิกษุ : ไม่รู้ ผู้มีอายุ

เรวตะ : กระผมเป็นน้องชายของอุปติสสะ

พวกภิกษุ : ชื่อว่าอุปติสสะนั่น คือใคร

เรวตะ : ท่านผู้เจริญทั้งหลาย เรียกพี่ชายของกระผมว่า สารีบุตร เพราะฉะนั้น เมื่อกระผมเรียนว่า ‘อุปติสสะ’ ท่านผู้เจริญทั้งหลายจึงไม่ทราบ

พวกภิกษุ : ก็เธอเป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระหรือ?

เรวตะ : อย่างนั้น ขอรับ

ภิกษุเหล่านั้นกล่าวว่า “ถ้ากระนั้น มาเถิด พี่ชายของเธออนุญาตไว้แล้วเหมือนกัน” ดังนี้แล้ว ก็ให้เปลื้องเครื่องอาภรณ์ของเขาออกให้วางไว้ ณ ที่สุดแห่งหนึ่ง ให้เขาบวชแล้ว จึงส่งข่าวไปแก่พระเถระ

ทึ่ง!เด็กชาย 7 ขวบ หนีการแต่งงานไปบวช

       ฝ่ายเรวตสามเณรคิดว่า “#ถ้าเราอยู่ในที่นี้ต่อไปพวกญาติก็คงติดตามมาเพื่อเรียกเรากลับ”  ดังนั้นจึงเรียนกัมมัฏฐานจากสำนักของภิกษุเหล่านั้น ถือบาตรแลจีวร เที่ยวจาริกไปถึงป่าไม้ตะเคียนในที่ประมาณ #๓๐ โยชน์ (๔๘๐ กิโลเมตร) จากสำนักนั้น บำเพ็ญสมณธรรม เมื่อท่านเพียรพยายามอยู่ด้วยตั้งใจ

ถ้าเรายังไม่บรรลุพระอรหัต ก็จักไม่ไปเฝ้าพระทศพลหรือพระเถระพี่ชาย เวลาล่วงไป ๓ เดือน ในระยะแรก ด้วยความที่เป็นผู้สุขุมาลชาติ แต่ต้องมาบริโภคโภชนะอันปอน จิตก็ไม่ประณีต ไม่ก้าวหน้าในพระกัมมัฎฐาน ครั้นล่วงไป ๓ เดือน ปวารณาออกพรรษาแล้วท่านก็บำเพ็ญสมณธรรมในที่นั้นต่อไป เมื่อท่านเพียรบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ จิตก็มีอารมณ์เป็นอันเดียวแล้ว ท่านเจริญวิปัสสนาแล้วบรรลุพระอรหัตในระหว่าง ๓ เดือนภายในพรรษานั่นแล บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย

     การที่ท่านได้พักอาศัยอยู่ในป่าไม้ตะเคียนนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้ท่านได้ชื่อว่า พระเรวต ขทิรวนิยเถระ เพราะ ขทิระ แปลว่า ต้นตะเคียน วินยะ แปลว่า อยู่ป่า

อ้างอิง: http://www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-revatta.htm

แชร์