ประโยชน์ของกิมจิ.....อาหารขึ้นชื่อของเกาหลี
กิมจิ จะมีรสเผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่ประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่สำคัญไม่ทำให้อ้วน และช่วยให้ระบบการหมุนเวียนโลหิตทำงานเป็นปกติ http://winne.ws/n12430
เป็นที่รู้กันว่าการทำกิมจิเป็นการดองผักที่ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 7หรือย้อนหลังไปถึงเมื่อ 2600-3000 ปีก่อน ในยุคนั้นช่วงฤดูหนาวประเทศเกาหลี จะมีอากาศหนาวจัดไม่เหมาะกับการเพาะปลูก ชาวเกาหลีจึงคิดวิธีการถนอมอาหารขึ้นมา เพื่อมาทดแทนผักสดที่หาได้ยาก
กิมจิ เป็นอาหารขึ้นชื่อของเกาหลีติดอันดับ 1 ใน 5 ของอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดในโลก มีมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ซึ่งมีประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพและความงาม เกิดจากการนำเอาผักต่างๆเช่นกุยช่าย ผักกาดขาว หัวไชเท้า พริกแดง หัวหอม ขิง เกลือ และน้ำตาล มาหมักรวมกัน ซึ่งคนเกาหลีถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรับประทานอาหารซึ่งจะต้องมีกิมจิอยู่ด้วยทุกมื้อโดยชาวเกาหลีจะ นำกิมจิไปปรุงเป็นส่วนประกอบของอาหารด้วย เช่น ใส่ในบะหมี่ ซุปกิมจิ ข้าวผัดกิมจิ ไข่เจียวกิมจิ หมูผัดกิมจิ
กิมจิ จะมีรสเผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่ประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่สำคัญไม่ทำให้อ้วน และช่วยให้ระบบการหมุนเวียนโลหิตทำงานเป็นปกติ
ทำให้ผิวพรรณสดใสอีกด้วย
เนื่องจากกิมจิอุดมด้วยโปรตีน วิตามินเอ (Vitamin A) ไทอะมีน บี 1 (Thiamine (B1)) ไรโบฟลาวิน บี2 (Riboflavin (B2)) วิตามินซี แคลเซียมธาตุเหล็ก และสารคาโรทีน (Carotene) นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร สรรพคุณต่างๆ ในกิมจิได้มาจากส่วนผสมหลักที่ทำมาจากผักหลายชนิดซึ่งมีปริมาณของเส้นใยสูง มีแคลอรี่ต่ำ ซึ่งในกิมจิ 100 กรัม จะมีแคลอรี่อยู่เพียง 32 กิโลแคลอรี่ นอกจากนี้ หัวหอม พริกและกระเทียมที่เป็นเครื่องปรุงในกิมจิ ก็เป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ กิมจิยังมีแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ที่ให้กรดแลคติก (Lactic Acid) ที่เกิดจากการหมักดองกิมจิ หลังจากการดองกิมจิไปเป็นเวลา 3 อาทิตย์ ระดับของวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินบี 12 ก็จะเพิ่มถึงเป็นสองเท่าเลยค่ะ
กรดแลคติกจะช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ไม่ดีไม่ให้เจริญเติบโตภายในลำใส้ของเรา และยังมีหน้าที่ป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกเช่นโรคอ้วน โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และแบคทีเรียตัวนี้เอง ที่ทำให้กิมจิมีรสเปรี้ยว เหมือนในโยเกิร์ต แต่ โยเกิร์ตที่ว่ามีกรดแลคติกอยู่ยังสู้กิมจิไม่ได้เลย ในกิมจิมีเยอะกว่าซึ่งช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้เป็นอย่างดีช่วยยับยั้งอาการท้องผูก และมะเร็งลำไส้ ส่วนในพริกกับกระเทียมจะช่วยในเรื่องของการป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของเลือดและการลดคลอเรสเตอรอล ( Cholesterol ) ในเลือดค่ะ