Douglas Vermeeren  ซึ่งเป็นมืออาชีพด้านการพัฒนาคนและจิตวิทยาความสำเร็จชาวแคนาดาได้ศึกษาเรื่องชีวิตของผู้ประสบความสำเร็จในระดับท้อปๆของโลกมากกว่า 400คน ได้เขียนบทความเมื่อเร็วๆนี้ว่า มีคนมากมายอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านสถานการณ์ทางการเงินหรือความสัมพันธ์ หรืออยากเลิกติดยาและอยากมีสุขภาพที่ดีขึ้น หรืออยากรู้สึกดีกับตนเอง เห็นคุณค่าในตนเอง  

 ซึ่งคนจำนวนมากคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเรื่องยากและซับซ้อน   แต่ความจริงที่ Douglas Vermeeren  ค้นพบ   คือการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่รู้สึก ถ้าทำจริงและใช้เครื่องมือที่ถูกต้องในการเปลี่ยนแปลง

และ หนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังสุดๆ ที่เขาพบเห็นจากชีวิตของนักเรียนของเขาและคนอื่นๆคือ ความรู้สึกสำนึกบุญคุณ

เขาอินกับเรื่องนี้มาก จนถึงกับสร้างหนังเรื่อง  “The Gratitude Experiment ” ( ดูรายละเอียดในwww.TheGratitudeExperiment.Com)

"ความแตกต่างระหว่าง คนที่มีความสุข และคนที่ไม่มีความสุข คือ ระดับของความรู้สึกสำนึกบุญคุณ"

DouglasVermeeren  ระบุว่า

ผู้คนส่วนใหญ่ประเมินพลังของความรู้สึกสำนึกบุญคุณน้อยกว่าความเป็นจริง  จึงปฏิบัติในเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง   ดังนั้นจึงไม่เคยได้ใช้ศักยภาพของพลังนี้มาสร้างการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้รุ่งโรจน์เลย

เมื่อพูดถึงการพัฒนาคน ความรู้สึกสำนึกบุญคุณเป็นหลักการที่ผู้คนมักเพิกเฉย    แต่จะพูดถึงการกระทำภายนอกและนิสัยมากกว่า ทั้งที่ ความรู้สึกสำนึกบุญคุณเป็นปัจจัยภายในที่สำคัญทรงพลังและมีประสิทธิภาพที่สุด ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้ชีวิต

เมื่อจะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนส่วนใหญ่โฟกัสในเรื่องที่ต้องกำจัดออกไปจากชีวิต และลืมเรื่องดีๆที่ตนเองมีอยู

"พลังสะเทือนของความรู้สึกสำนึกบุญคุณจะดึงดูด สิ่งดีงามทั้งหลาย มาสู่ชีวิตคุณมากขึ้น"

ถ้าเรารู้สึกสำนึกบุญคุณในสิ่งใด มันจะเกิดพลังที่แผ่ขยายและเปลี่ยนแปลงการสั่นสะเทือนทางอารมณ์ของเราอย่างสิ้นเชิง อารมณ์เป็นจุดเริ่มต้นของการกระทำทุกอย่าง  ความรู้สึกสำนึกบุญคุณทำให้อารมณ์ด้านบวกทั้งหมดเกิดพลังขึ้น   ดังนั้น การกระทำด้านบวกและความเชื่อมั่นในผลด้านบวกก็เกิดขึ้น ความรู้สึกสำนึกบุญคุณจะทำให้เรามีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งและเมื่อมีใจที่โฟกัส พลังงานทางบวกก็จะเคลื่อนไหว

"มีสิ่งที่เราสามารถขอบคุณได้เสมอ"

เมื่อเรารู้สึกซาบซึ้งสำนึกบุญคุณกับสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต แม้สิ่งนั้นดูเป็นสิ่งเล็กน้อย จะมีพลังดีๆเกิดขึ้นและแผ่ขยายออกไป  ซึ่งจะไปขจัดปัญหาหรือพลังงานด้านลบในชีวิตของเรา หรือกล่าวได้ว่า เมื่อเราเติมเต็มชีวิตด้วยความดี ก็จะไม่มีพื้นที่ชีวิตให้เรื่องร้ายๆ

"ขอบคุณครอบครัวของฉันและชีวิตของฉัน"

 หากใครรู้สึกชีวิตมีกรรม ไม่มีความสุข  ชีวิตมืดมนไร้หนทางสว่าง มีปัญหารอบด้าน ลองทำใจให้นิ่งๆ  แล้วนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ ตลอดจนผู้ที่มีพระคุณทั้งหลาย ที่ได้ช่วยเหลือเราทั้งอดีตและปัจจุบันแล้วนึกขอบคุณบุคคลเหล่านั้นด้วยใจจริง และหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนตอบแทนบุญคุณบุคคลเหล่านั้น 

หากเป็นชาวพุทธจะได้รับคำแนะนำว่า ให้กราบขอขมาพระรัตนตรัย พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ที่เราอาจเคยผิดพลาดล่วงเกินท่านเหล่านั้นและตั้งใจเคารพนอบน้อมกราบไหว้และตอบแทนบุญคุณท่านให้ดีที่สุด เชื่อแน่ว่าพลังงานทางบวกจะเกิดขึ้นกับชีวิตคุณและชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างแน่นอน  

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล: http://www.nydailynews.com/life-style/gratitude-positive-life-article-1.2749071

ขอขอบคุณภาพจาก: http://www.google.com