ครูที่อเมริกาหนุนนักเรียนฝึกสมาธิ ผลวิจัยชัด นักเรียนเรียนดีและนิสัยดีขึ้น

ประโยชน์ของการฝึกสมาธิสำหรับนักเรียน 1. ลดความเครียดจากปัญหาครอบครัว 2. มีความสุขในการเรียนมากขึ้น 3. มีอุปนิสัยดีขึ้น 4. มีผลการเรียนดีขึ้น 5. มีความสามารถในการฟื้นตัวด้วยทัศนคติที่เป็นบวกหลังเกิดปัญหาในชีวิต http://winne.ws/n4039

5.2 พัน ผู้เข้าชม

เมื่อปี 2550  นาย JamesDierke ครูใหญ่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นVisitacion Valley ซึ่งอยู่ในย่านที่มีปัญหาของSan Franciscoอยากจะปรับปรุงคุณภาพการศึกษาและพฤติกรรมของนักเรียน จึงนำโครงการ ‘ช่วงเวลาแห่งความเงียบ’ มาใช้  โดยให้นักเรียนมีช่วงเวลาแห่งความเงียบวันละ2ช่วงๆละ15นาที ซึ่งนักเรียนอาจจะนั่งสมาธิเงียบๆ(ตามที่โครงการฯได้จัดสอน) หรือ อ่านหนังสือเงียบๆก็ได้

 

ปัจจัยหลักที่ทำให้เด็กๆกลุ่มด้อยโอกาสมีอุปสรรคด้านการเรียนคือความเครียดที่ต้องเจอในชีวิตประจำวันเช่น ความยากจน ความขาดแคลน การขาดการสนับสนุนจากพ่อแม่อย่างต่อเนื่อง  การได้รับอันตรายทางร่างกาย และความกลัวที่ต่อเนื่อง  งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าความเครียดเรื้อรังสามารถทำลายการพัฒนาของสมองและความสามารถในการเรียนรู้   การทำสมาธิซึ่งเป็นเทคนิคการลดความเครียดโดยใช้การนึกถึงคำภาวนา(thinking of a mantra) สามารถลดเครียดและภาวะที่แสดงถึงความเครียดอื่นๆเช่นความกังวลใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือด

 

นักเรียนที่ โรงเรียน Phillip and Sala Burton Academic High School ใน San Francisco กำลังนั่งสมาธิ

ครูที่อเมริกาหนุนนักเรียนฝึกสมาธิ ผลวิจัยชัด นักเรียนเรียนดีและนิสัยดีขึ้น

กว่าสามปีที่ทำการศึกษาวิจัยเรื่องนี้พบว่า อัตราการถูกพักการเรียนของนักเรียนลดลงถึง79% อัตราการเข้าเรียนเพิ่มขึ้นเป็น98% และแต่ละปีเกรดเฉลี่ยของนักเรียนก็เพิ่มขึ้น  สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ เกรดเฉลี่ยของกลุ่มนักเรียนที่เรียนอ่อนสุดเพิ่มขึ้นสองเท่า

 

ทั้งครูและนักเรียนชอบโครงการนี้มากนักเรียนชั้นม.1 คนหนึ่งบอกว่า “ ผมเคยเป็นคนนั่งไม่ติดเพราะความกระสับกระส่ายในชั้นเรียน นั่งนานๆไม่ได้ตอนนี้หลังจากฝึกสมาธิ ผมสามารถนั่งได้ตลอดคาบโดยไม่ยืนขึ้นเลย”  Barry O’Driscoll ผู้อำนวยการแผนกพลศึกษาของโรงเรียนมากว่า14ปีกล่าวว่า” ในช่วง7ปีแรกที่ผมปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้ที่โรงเรียนโด่งดังเรื่องความตึงเครียดและการทะเลาะเบาะแว้งมาก แต่ไม่กี่ปีมานี้มีการทะเลาะกันน้อยลงมาก”

 

มีโรงเรียนมัธยมต้นอีกหนึ่งโรงเรียนและโรงเรียนมัธยมปลายอีกสองโรงเรียนในพื้นที่นี้นำโครงการนี้ไปใช้และมีการสรุปโครงการของปี2558 จากศูนย์สุขภาวะและความสำเร็จในการศึกษาโดยร่วมมือกับแผนกงานวิจัยของเขตโรงเรียนในSan Francisco พบว่ามีผลวิจัยที่ดีๆอีกมาก

 

กลุ่มทดลองที่หนึ่ง เมื่อนำโครงการช่วงเวลาแห่งความเงียบไปใช้กับนักเรียนมัธยมต้นของโรงเรียนรัฐบาลที่มีผลการเรียนต่ำพบว่า คะแนนประจำปีวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นในกลุ่มนักเรียนที่นั่งสมาธิ ส่วนกลุ่มที่ไม่นั่งสมาธิคะแนนลดลง

 

กลุ่มทดลองที่สองรายงานโดยWestEd พบว่าเจ็ดเดือนที่เข้าโครงการ’ ช่วงเวลาแห่งความเงียบ’ นักเรียนชั้นม.3ที่นั่งสมาธิลดความกังวลใจลงได้และเพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวด้วยทัศนคติบวกหลังเกิดปัญหาชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้นักเรียนที่นั่งสมาธิ ยังนอนหลับสนิทกว่า มีความมั่นใจในตัวเองมากกว่าและมีความสุขมากกว่านักเรียนที่ไม่นั่งสมาธิ

 

ถึงแม้โครงการนี้จะทำการศึกษาในพื้นที่ที่มีรายได้น้อยแต่ครอบครัวชนชั้นกลางหรือครอบครัวที่ร่ำรวยก็สามารถได้ประโยชน์จากการนำสมาธิไปลดความเครียดได้เช่นกัน

 

ขอขอบคุณแหล่งข่าว: http://well.blogs.nytimes.com/2016/06/02/using-meditation-to-help-close-the-achievement-gap/?_r=0

(ข่าววันที่ 2 มิถุนายน 2559)

แปลและเรียบเรียงโดย: อักษรสิริ

แชร์