วิทยาศาสตร์กับการระลึกชาติ

รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล ผู้คร่ำหวอดในวงการวิทยาศาสตร์ เปิดเผยถึงแนวคิดเรื่องการระลึกชาติว่า http://winne.ws/n5901

1.2 พัน ผู้เข้าชม

ตามหลักเบื้องต้นทางวิทยาศาสตร์จะไม่ปฏิเสธอะไรก่อนในทันทีทันใด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะแปลกอย่างไรก็ตาม 

ส่วนเรื่องระลึกชาติก็เป็นประเด็นหนึ่งที่วิทยาศาสตร์สนใจมานาน พบว่ามี 2 ประเด็น คือ 

1.ประเด็นที่เป็นข่าวกับที่เป็นจริงไม่ตรงกัน เมื่อติดตามไปเรื่อยๆ ก็พบว่า สามารถอธิบายตามหลักทางวิทยาศาสตร์ได้ 

และไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการระลึกชาติ

2.ประเด็นไม่มีการจัดฉาก เช่น เด็กที่ระลึกชาติได้บางกรณีในทิเบตหรือในอินเดีย และรวมทั้งในประเทศไทยด้วย 

ปรากฏว่ามีความน่าสนใจ และได้สรุปไปในแนวทางเดียวกับวิทยาศาสตร์ 

วิทยาศาสตร์กับการระลึกชาติ

หลักวิทยาศาสตร์ 90% ระบุ อาจจะไม่มีชาติภพ!

เรื่องของการระลึกชาติ ในแง่ของวิทยาศาสตร์จะศึกษาได้ก็ต้องหาวิธีการว่าอะไรเป็นสื่อ 

เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะเป็นตัวศึกษาอย่างเป็นระบบและชัดเจน คือ วิญญาณ การเกิด กำเนิดของชีวิต 

ซึ่งตรงนี้ทางวิทยาศาสตร์ค่อนข้างที่จะบอกชัดเจนว่าชีวิตเกิดได้แบบไหนอย่างไรบ้าง 

แต่ทางพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎกที่ยึดถือกันมานานว่า ในทางพุทธศาสนาแล้วกำเนิดของชีวิตมีได้ 4 อย่าง ได้แก่ 

1.กำเนิดจากครรภ์ของมนุษย์ 

2.กำเนิดจากไข่ เช่น นก งู 

3.กำเนิดจากความชื้น จากสิ่งที่เป็นสิ่งโสโครก เช่น หนอน  

4.กำเนิดแบบโอปปาติกะเป็นการกำเนิดแบบทันทีทันใด ไม่ใช่มาจากการปฏิสนธิ ไม่ใช่จากไข่ 

แต่โอปปาติกะต้องอาศัยสื่อซึ่งน่าสนใจมากเป็นพิเศษคือวิญญาณ

“วิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนาในเรื่องของการกำเนิดที่จะไปโยงเรื่องระลึกชาตินั้น มีส่วนที่ขัดแย้งกัน นั่นคือ 

ทางวิทยาศาสตร์มีแนวโน้มที่สูงมากถึง 90% ว่าอาจจะไม่มีชาติภพ เพราะว่า วิทยาศาสตร์นั้น จะต้องหาสิ่งที่ศึกษาได้ 

แน่นอนก็ศึกษาหมดทั้งในเรื่องของผีอะไรต่างๆ ส่วนใหญ่ก็ยังมีคำอธิบายได้ แต่ก็ยังมีส่วนที่ยังอธิบายไม่ได้”

วิทยาศาสตร์กับการระลึกชาติ

วิทยาศาสตร์ใช้ ‘วิญญาณ’ เป็นสื่อเพื่อศึกษาเรื่องระลึกชาติ

รศ.ดร.ชัยวัฒน์ อธิบายต่อว่า สิ่งที่จะศึกษาเรื่องการระลึกชาติได้อย่างชัดเจน ก็คือ เรื่องของวิญญาณ 

เพราะว่าวิญญาณเป็นสื่อหลักในการให้กำเนิดชีวิตแบบโอปปาติกะขึ้นมา 

จึงเป็นที่มาให้วิทยาศาสตร์ศึกษาว่าวิญญาณมีจริงหรือไม่ แต่แนวโน้มค่อนข้างชัด อย่างเช่น 

วิญญาณถ้ามีจริงก็ต้องเป็นอะไรบางอย่าง เป็นสสารหรือเป็นพลังงาน ถ้าวิญญาณมีจริงนั้น ต้องสามารถตรวจจับได้

แต่เดิมมีความเชื่อว่ามนุษย์จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ร่างกายและวิญญาณ 

คนตาย ก็คือคนที่วิญญาณออกจากร่างไม่กลับมา 

คนเป็น คือ คนที่วิญญาณอยู่กับตัว 

ทางนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษากันถึงเรื่องนี้ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย จนได้ข้อมูลค่อนข้างชัดเจนว่า 

ความเป็นความตาย ของมนุษย์ไม่เกี่ยวข้องกับวิญญาณเลย ทำให้บทบาทของวิญญาณน้อยลงไปเรื่อยๆ เชื่อแค่ว่าอยู่ภายในตัวเรา

ทำไมมนุษย์จึงต้องฝัน ความฝันเกิดจากอะไร​?

รศ.ดร.ชัยวัฒน์ ให้คำตอบว่า ปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์ยังรู้ไม่หมดเกี่ยวกับความฝันว่าทำไมถึงฝัน และความฝันบอกอะไรได้บ้าง 

แต่วิทยาศาสตร์สามารถบอกได้ว่า ความฝันเกิดจากการทำงานของสมอง และไม่เกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ

เนื่องจากเป็นส่วนของความทรงจำของคน ซึ่งสมองของคนทำงาน 2 ระดับ ได้แก่ 

1.ระดับที่สมองทำงานเต็มที่ ทุกส่วนของร่างกายทำงานเต็มที่  

2.จิตใต้สำนึกที่เป็นเรื่องของความทรงจำ บางสิ่งที่เจอมาในอดีตเป็นเรื่องที่อยู่ในใจเหล่านี้ก็อยู่ในสมอง 

วิทยาศาสตร์กับการระลึกชาติ

90% ของกระบวนการวิทยาศาสตร์พบไม่มีวิญญาณอยู่จริง แต่ไม่ได้หมายความเรื่องของการระลึกชาติไม่จริง เพราะวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ปฏิเสธยังมีอยู่จำนวนหนึ่งที่ประมาณ 10% ซึ่งวิทยาศาสตร์บอกว่าน่าสนใจ และไม่สามารถตอบได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ 

ต้องศึกษาและพิสูจน์กันต่อไป โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ ซึ่งบางกรณีก็ทำไม่ได้ง่ายๆ เรื่องชาติภาพอาจจะไม่มีจริง แต่ก็ยังไม่ใช่ 100% ที่เหลืออยู่ไม่มากไม่ถึง 10% โอกาสจะเป็นจริงขึ้นมาได้ไหมนั้น มองว่าเป็นไปได้ทุกเรื่องมีโอกาสเป็นไปได้ แม้เกิดเพียงแค่กรณีเดียว!

แต่ วิทยาศาสตร์ก็ยังถือว่า เรื่องของวิญญาณ เรื่องของการระลึกชาติ ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงเรื่องชาติภพ เป็นเรื่องที่ยังไม่ปิด

เพราะถ้ามีข้อมูลหลักฐานใหม่หรือเรื่องเก่า ที่พิสูจน์ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ชัดเจน แม้จะเป็นเพียงเรื่องเดียว วิทยาศาสตร์ก็ยอมรับ!


ขอบคุณ

http://www.thairath.co.th/content/525362

แชร์