นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่า ผลกระทบจากการลงประชามติให้อังกฤษออกจากอียู จะส่งผลกระทบระยะสั้นกับการท่องเที่ยว จากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในรอบ 31 ปีอาจส่งผลทำให้คนระมัดระวังในการตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น 

เนื่องจากปัจจุบันอยู่ช่วงโลว์ซีซัน เป็นภาวะที่กำลังซื้อในตลาดอ่อนตัวลงตามธรรมชาติ จึงจะยังไม่เห็นผลกระทบรุนแรง ประกอบกับเหตุผลในเชิงกฎระเบียบ หลังจากนี้อังกฤษยังต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของสภาอีกรอบว่าจะออกจากอียูหรือไม่ หากการลงมติในสภาเป็นไปในทางเดียวกับประชามติคือออก อังกฤษต้องใช้เวลาอีก 2 ปีในการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ของอียู 

ศูนย์วิจัยด้านการตลาดท่องเที่ยว ททท. (TATIC) วิเคราะห์ว่า จะมีผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนรวมถึงราคาสินค้าต่างๆ ที่อาจสูงขึ้น เนื่องจากอังกฤษต้องเสียภาษีนำเข้าสินค้าจากอียู ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น การบริโภคของประชาชนอาจหดตัว ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระยะยาว มีผลต่อเนื่องต่อการท่องเที่ยวไทย หากค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 3-10% จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวอังกฤษลดลงราว 1-5% 

ขณะที่ค่าเงินยูโร หากได้รับผลกระทบตามทำให้อ่อนค่าลงราว 5-20% ทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปลดลงไม่เกิน 5% บางตลาดที่อ่อนไหวและลดลง 5-10% ได้แก่ อิตาลี, สเปน, เยอรมนี และฟินแลนด์ ในขณะที่ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ มีอัตราการหดตัวไม่สูงนัก 

ทั้งนี้ ประเมินว่า ผลกระทบจากค่าเงินเป็นเพียงระยะสั้น 1-3 เดือน และเมื่อค่าเงินมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นักท่องเที่ยวจะเริ่มเดินทางเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยประเด็นที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวหลังจากนี้เป็นพิเศษคือ อังกฤษออกจากอียูจะกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมหรือไม่ 

จากประสบการณ์เมื่อปี2558 พบว่าค่าเงินปอนด์และยูโรที่อ่อนค่าลงตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยเงินปอนด์ค่าลงต่ำกว่า 50 บาทต่อปอนด์ เคยอยู่ระดับต่ำสุดที่ 48.7 บาทต่อปอนด์เมื่อเดือน เม.ย.2558 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวอังกฤษลดลงไปกว่า 10.43% เช่นเดียวกับเงินยูโร ที่อ่อนค่าที่สุด 35.16 บาทต่อยูโร ส่งผลให้ตลาดลดลงไปกว่า 2.08% 

ส่วนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในเชิงบวกสำหรับไทย หากอังกฤษออกจากอียูแล้วมีความยุ่งยากในการขอวีซ่าเข้าอียู นักท่องเที่ยวอาจพิจารณาเลือกจุดหมายอื่นๆ ในโลก รวมถึงไทยที่มีข้อได้เปรียบ

Cr. http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/704163