เจ๋ง โรงเรียนอนุบาลในป่าที่เยอรมัน (Waldkindergarten) ฝึกทักษะการใช้ชีวิต

Waldkindergarten ที่เยอรมัน เป็นลักษณะเนอร์สเซอรี่และโรงเรียนอนุบาลสำหรับเด็กเล็ก เป็นการไปเรียนรู้นอกสถานที่ ในป่า ในสวน ที่ๆมีต้นไม้เยอะๆ ให้เด็กฝึกทักษะชีวิตนอกห้องเรียน เสริมจินตนาการ และ การอยู่ร่วมกันกับคนอื่น http://winne.ws/n4450

3.6 พัน ผู้เข้าชม
เจ๋ง โรงเรียนอนุบาลในป่าที่เยอรมัน (Waldkindergarten) ฝึกทักษะการใช้ชีวิต

ในประเทศเยอรมัน มีโรงเรียนในป่า หรือที่เรียกว่า Waldkindergarten

โดยปกติ เด็กเยอรมันจะอยู่กับครอบครัวจนอายุ6ขวบ ค่อยเข้าเรียนตามหลักสูตร เนื่องจากประเทศเยอรมันจะสนับสนุนให้เด็กอยู่กับครอบครัว แถมยังมีเงินสวัสดิการกับมารดาของเด็กที่ไม่ได้ทำงานเพราะออกมาดูแลลูกด้วยในช่วงที่เด็กยังเล็ก

แต่ถ้าเด็กมีความจำเป็นต้องไปเรียนก่อนหน้านั้น ด้วยความไม่สะดวกของครอบครัว ทางเลือกของคนเยอรมัน ก็คือ การเรียนในโรงเรียนอนุบาล แต่เป็นโรงเรียนอนุบาลที่ค่อนข้างพิเศษ

เจ๋ง โรงเรียนอนุบาลในป่าที่เยอรมัน (Waldkindergarten) ฝึกทักษะการใช้ชีวิต

Waldkindergarten เป็นลักษณะเนอร์สเซอรี่และโรงเรียนอนุบาลสำหรับเด็กเล็ก การเรียนนั้นจะไม่ใช่ลักษณะการเรียนบนโต๊ะในห้องเรียนตามปกติ แต่เป็นการไปเรียนรู้นอกสถานที่ ในป่า ในสวน ที่ๆมีต้นไม้เยอะๆ ไม่ต้องมีโต๊ะหรือเก้าอี้ตลอดเวลา เพราะต้องการให้เด็กฝึกการใช้ทักษะชีวิต จินตนาการ การอยู่ร่วมกันกับคนอื่น เพราะถือว่าทักษะชีวิตที่จำเป็นต่างๆนั้น ไม่สามารถเรียนรู้จากในห้องเรียนได้อย่างเดียว

ส่วนเด็กประถมมัธยมของเยอรมัน จะเข้าเรียนตอนแปดโมง บ่ายๆ ก็กลับบ้านได้ เพราะไม่ได้เน้นเรื่องวิชาการจากห้องเรียนอย่างเดียว แต่ให้เด็กค้นคว้า และไปฝึกเอง และอยากให้ได้ใช้เวลากับครอบครัวมากๆ

เจ๋ง โรงเรียนอนุบาลในป่าที่เยอรมัน (Waldkindergarten) ฝึกทักษะการใช้ชีวิต

ลองหันกลับมามองประเทศของเราบ้าง

 มีหลายโรงเรียนในประเทศเราค่อนข้างเร่งเด็ก ทำให้เกิดความกดดัน ไม่แต่เฉพาะเด็ก แต่พ่อแม่ด้วย

โรงเรียนเด็กเล็กของไทยหลายๆแห่งจะสอนให้เด็กอ่านหนังสือ เขียนหนังสือตั้งแต่เตรียมอนุบาล หรือ อนุบาลหนึ่ง เพราะต้องทำสถิติส่งเด็กไปเรียนต่อโรงเรียนประถมที่มีชื่อเสียง

โดยปกติแล้ว การพัฒนาของสมองจะเริ่มจาก สิ่งที่เด็กทำได้ทั่วๆไป (การรับรู้ประสาทสัมผัสต่างๆ การได้ยิน มองเห็น ฯลฯ อารมณ์ความรู้สึก) ไปสู่สิ่งที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น (ความคิด การรับรู้ที่ซับซ้อน) ตามลำดับ อย่างการพัฒนาการของกล้ามเนือก็จะเริ่มจาก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ไปสู่กล้ามเนื้อมัดเล็ก ตามลำดับเช่นกัน

ดังนั้นเด็กเล็กก็ควรให้ออกกำลังกาย มีกิจกรรม กระโดดโลดเต้น เล่นสนุกสนาน ฝึกให้เด็กช่วยเหลือตัวเองตามที่เขาทำได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่เพียงการจับมือเด็กให้เขียนหนังสืออย่างเดียว จะทำให้ขาดการฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่ตามวัย ซึ่งหากไม่ได้รับการฝึก เด็กก็อาจจะโตไปโดยที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ไม่แข็งแรง ทรงตัวไม่ค่อยดี เคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่ว ซุ่มซ่าม

การเปิดโอกาสได้เรียนรู้การเรียนรู้จากของจริง เช่น ให้เด็กได้เห็นต้นไม้ ดอกไม้ เด็กก็ได้รับรู้ด้วยการมองเห็น สัมผัส ได้กลิ่น จากของจริงที่มีอยู่ เด็กจะสนุกสนาน และได้พัฒนาประสาทสัมผัสการรับรู้หลายๆด้าน

การพาลูกออกไปเรียนรู้ธรรมชาติที่อยู่รอบตัว เช่น การพาเค้าไปเดินเล่นในสวนสาธารณะแถวบ้าน เป็นกิจกรรมง่ายๆที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก (นอกจากเวลาของพ่อแม่ที่มีให้ลูกๆ) แต่มีประโยชน์เกินคาด

การที่เห็นของจริงที่มีอยู่ เช่น ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ แม่น้ำ ลำคลอง นก ท้องฟ้า พระอาทิตย์ ก้อนเมฆ จะทำให้เขาเกิดความเข้าใจช่วยพัฒนาการทางภาษา(สอนเขาว่าสิ่งนี้เรียกว่าอะไร) ช่วยเรื่องพัฒนาการทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่มัดเล็ก(เพราะได้วิ่งและออกกำลัง) นอกจากนั้นเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างพ่อแม่กับลูกทางหนึ่งด้วย

 อย่าลืมว่า วัยเด็กที่แสนสนุกสนาน ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ เมื่อเวลาผ่านไป


ขอขอบคุณแหล่งข่าว: Facebook เข็นเด็กขึ้นภูเขา https://www.facebook.com/kendekthai/posts/1103160999723085:0

ขอขอบคุณภาพจาก :

https://www.johndenugent.com/deutsch/german-englaenderin-mit-mann-und-kindern-wurde-probeweise-deutsche-fand-es-toll/

http://www.stadtmarketing-traunstein.de/aktuelles/vorschulkinder-erkunden-wald-und-tier/

http://www.niedenstein.de/cms/F%C3%BCr%20die%20Familie/KiTa/Waldkindergarten/

แชร์