ทึ่ง!! พินัยกรรมพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช จักรพรรดิผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกยุคโบราณ
อเล็กซานเดอร์มหาราช เป็นกษัตริย์กรีกจากแคว้น มาซิโดเนีย ผู้สร้างชื่อเสียงมากที่สุดของราชวงศ์อาร์กีด เป็นผู้สร้างจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ยุคโบราณ http://winne.ws/n7688
พินัยกรรมของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช จักรพรรดิผู้รุกรบชนะไปครึ่งค่อนโลก
อเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งมาซีดอน หรือ อเล็กซานเดอร์มหาราช (อังกฤษ : Alexander III of Macedon หรือ Alexander the Great, กรีก : Μέγας Ἀλέξανδρος, Mégas Aléxandros) ประสูติ 20 หรือ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 187 เพลลา, มาซิโดเนีย ครองราชย์ พ.ศ. 207-220 หรือ 356-323 ปีก่อนคริสตกาล) สวรรคคต 10 หรือ 11 มิถุนายน พ.ศ. 220 (32 ชันษา)ที่เมืองบาบิโลน
เป็นกษัตริย์กรีกจากแคว้น มาซิโดเนีย ผู้สร้างชื่อเสียงมากที่สุดของราชวงศ์อาร์กีด เป็นผู้สร้างจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ยุคโบราณ เมื่อปีที่ 356 ก่อนคริสตกาล ได้รับการศึกษาตามแบบกรีกดั้งเดิมภายใต้การกำกับดูแลของอริสโตเติล นักปรัชญากรีกผู้มีชื่อเสียง
เมื่อปีที่ 336 ก่อนคริสตกาลหลังจากที่พระบิดาถูกลอบสังหารสวรรคต การพิชิตดินแดนของพระองค์ส่งผลสืบเนื่องต่อมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ อเล็กซานเดอร์ถือเป็นหนึ่งในบุรุษผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกยุคโบราณ ในความสามารถทางการรบ ยุทธวิธี และการเผยแพร่อารยธรรมกรีกไปในดินแดนตะวันออก
อเล็กซานเดอร์เอาชนะชาวเปอร์เซียครั้งแล้วครั้งเล่า นำทัพข้ามซีเรีย อียิปต์ เมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และแบคเทรีย ทรงโค่นล้มกษัตริย์ดาริอุสที่ 3 แห่งเปอร์เซีย และพิชิตจักรวรรดิเปอร์เซียได้ทั้งหมด พระองค์ไล่ตามความปรารถนาที่ต้องการเห็น "จุดสิ้นสุดของโลกและมหาสมุทรใหญ่ที่เบื้องปลาย" จึงยกทัพบุกอินเดีย
ปีถัดจากการสวรรคตของอเล็กซานเดอร์ เกิดสงครามกลางเมืองทั่วไปจนอาณาจักรของพระองค์แตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่มรดกของอเล็กซานเดอร์ที่ยืนยงคือการเผยแพร่วัฒนธรรมที่ติดตามมาจากการพิชิตดินแดนเหล่านั้น
ก่อนจะสิ้นพระชนม์
อเล็กซานเดอร์ ได้โปรดให้ข้าราชบริพารเข้าเฝ้าโดยรับสั่งให้ทำพินัยกรรมเป็นปริศนาธรรม 3 ข้อ คือ...
1. ในงานศพของข้าพเจ้า ขอให้นายแพทย์เป็นผู้แบกโลงศพ
2. ขอให้นำเอาทรัพย์สมบัติประดามีที่ข้าพเจ้าไปตีชิงมาได้จากบ้านน้อยเมืองใหญ่ทั้งหมด หว่านโปรยตลอดเส้นทางที่แห่ศพข้าพเจ้าไปยังเชิงตะกอน
3. ขอให้เอามือของข้าพเจ้าโผล่ออกมานอกโลงทั้งสองข้างในอิริยาบถแบมือ
เมื่อมหาดเล็กได้ยินดังนั้นก็สงสัย จึงทูลถามถึงเหตุผล พระองค์ก็ทรงอธิบายว่า...
• ประการแรก
ที่เราขอให้แพทย์เป็นผู้แบกโลงศพของเรานั้น ก็เพราะเราต้องการจะบอกอนุชนรุ่นหลังว่าสุขภาพเป็นสิ่งที่เราจะต้องดูแลเอง ต่อให้มีหมอเทวดาเป็นหมอประจำตัว สุดท้ายก็ไม่มีหมอคนไหนยื้อชีวิตของท่านไว้ได้´
ดังนั้น...โปรดอย่าวางใจว่ามีหมอที่ดีที่สุดอยู่ใกล้มือ การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องของเราทุกคน เราจะต้องลุกขึ้นมาตระหนักรู้ แล้วดูแลอย่างดีที่สุดก่อนจะถึงมือหมอ
(Note : ตอนที่พระองค์สิ้นพระชนม์ มีพระชันษาแค่ 33 เท่านั้น... เพราะมัวแต่รบทัพจับศึก ไม่ได้ดูแลสุขภาพ เก่งแค่ไหนก็อายุไม่ยืน)
• ประการที่สอง
ที่เราให้หว่านโปรยทรัพย์สินประดามีที่เราไปตีเอามาได้จากบ้านน้อยเมืองใหญ่ครึ่งค่อนโลกนั้น ก็เพื่อจะเตือนคนที่อยู่ข้างหลังว่า...ทรัพย์สินทั้งหลายนั้น สุดท้ายต้องส่งคืนโลกหมด ครอบครองไว้ไม่ได้ สรรพสิ่งคือของใช้ อย่าเข้าใจว่าเป็นของฉัน´
ฉะนั้น... หาเท่าที่จำเป็นจะต้องใช้ อย่าครอบครองมากมายจนกองสูงดังภูเขาเลากา เพราะวันหนึ่งก็ต้องทิ้งสิ่งนั้นไปทั้งหมด
อย่าทำตัวเป็นพวกบ้าหอบฟาง หาเงินหาทองมาสะสม เสมือนหนึ่งตัวเองจะมีอายุอยู่กินอยู่ใช้ไปสักแปดหมื่นสี่พันปี ทั้ง ๆ ที่ในความจริง มนุษย์เราทั้งหลายอายุเฉลี่ยเต็มที่แค่ 100 ปีเท่านั้น
เราจึงไม่ควรจะหมกมุ่น ไม่ควรจะมัวเมา ตกเป็นทาสของ `ยศ-ทรัพย์-อำนาจ´ จนหลงลืมแก่นสารที่แท้จริงของชีวิต
รูปปั้นของอเล็กซานเดอร์มหาราช
• ประการที่สาม
ที่ให้เอามือของเราแบออกไปนอกโลงศพนั้นก็เพื่อที่จะบอกว่า...เมื่อตอนที่เราเกิดมานั้น เราร้องไห้จ้าและกำมือแน่น หมายมั่นปั่นมือว่าจะครอบครอง ทุกสิ่งทุกอย่าง กำโน่น กำนี่ สารพัดที่จะกำ ยศก็กำ ทรัพย์ก็กำ อำนาจก็กำ กิน กาม เกียรติ เรากำทุกสิ่ง ครอบงำเอาไว้ทั้งหมดทั้งสิ้น
แต่ท้ายที่สุด... ชั้นแต่ลมหายใจซึ่งบางเบาที่สุดและแทบไม่กินพื้นที่ ก็ไม่มีใครกำเอาไว้ได้ สุดท้ายก็ต้องแบ ต้องปล่อย (ถึงเราไม่ปล่อย ธรรมชาติก็จะทำให้เราปล่อยโดยอัตโนมัติ ฉะนั้น... เมื่อยังมีชีวิตอยู่ แทนที่จะกำจนแน่น จงแบ่งซะ ปันซะ ให้ซะ แล้วบุญกุศลเหล่านั้นจะเป็นทรัพย์สมบัติติดตัวเราไป)
พวกสู เจ้า และทื่อ้างว่า จบการศึกษาสูง หรือชนชั้นสูง พวกสูเจ้า ก็กินข้าว ไม่ได้กินเหล็ก พวกเจ้าก้อตาย เหตุฉะไหน ถึงเอาเปรียบ คนที่ด้อยกว่า ทางฐานะ ทางเศรษฐกิจ หรืออาชีพ และเวรกรรม บาปอันมหันต์จะมาเยือน พวกเหล่านี้
• บทสรุป พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า...
ถ้าไฟไหม้บ้าน ทรัพย์สินสิ่งใดที่เจ้าของหยิบฉวยวิ่งหนีออกจากบ้านที่ไฟกำลังไหม้ นั่นคือ `ทรัพย์สินที่แท้จริง´ ของเขา ส่วนทรัพย์สินมากมายที่กองอยู่ในบ้านแล้วขนออกมาไม่ได้ จะต้องถูกไฟไหม้ทั้งหมด ฉันใดก็ฉันนั้น... ก่อนที่เราจะตายทรัพย์สินทั้งหมดที่เราไม่เคยนำมาแปรรูป ไม่เคย `เปลี่ยนทุนเป็นธรรม´เลย ทรัพย์สินเหล่านั้นจะสูญเปล่าเหมือนทรัพย์ที่ถูกไฟไหม้
ปริศนาธรรมจากพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราช ทั้ง 3 ประการนี้
สอดคล้องกับธรรมะเรื่อง "สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" ... ธรรมทั้งหลายทั้งปวงอันบุคคลไม่ควร ยึด-ติด-มั่น สลายชนชั้น ให้มองมนุษย์ เท่าเทียมกัน เพราะที่สุด ต้องตายกันหมด เพราะฉะนั้น ต้องเมตตา เอื้ออาทร ทําดีต่อกัน ละชั่ว กระทําความดี ทําจิตใจให้ผ่องใส
ที่มา:https://groups.google.com/forum/#!msg/th-td/fbccsRdH4rQ/tB5zQFa2XxsJ
อ้างอิง:https://th.wikipedia.org/wiki/อเล็กซานเดอร์มหาราช