ภาพขยะจากด่านสกัดขยะคลองลาดพร้าวสามารถสะท้อนปัญหาขยะมหาศาลของไทยและโลกที่ต้องการทิ้งให้พ้นๆบ้านได้ดีเลยทีเดียว และสะท้อนให้เห็นว่าไทยติดอันดับต้นๆของโลกที่สร้างขยะในทะเล ความหวังของการแก้วิกฤตขยะนี้ ขึ้นอยู่กับแผนมาตรการแก้ปัญหาขยะพลาสติกในประเทศไทย และสนธิสัญญาของโลกในการจัดการมลพิษพลาสติกที่กำลังจะเกิดขึ้น

     ปัจจุบันมาตรการทั้งในไทยมีแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก สำหรับในระยะที่ 1 (2563-2565) คือการลดใช้พลาสติก 4 ชนิดแบบ 100% คือ ถุงพลาสติกแบบบาง กล่องโฟม หลอดพลาสติก และแก้วพลาสติกแบบบาง 

      โดยเปลี่ยนมาใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตร อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่จะคัดแยกพลาสติก 7 ชนิด และนำขยะพลาสติกชนิดต่างๆกลับมาใช้ประโยชน์รีไซเคิลให้ได้ 50% ซึ่งคาดว่าแผนนี้จะทำให้ลดปริมาณขยะพลาสติกได้มหาศาล อีกทั้งยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และประหยัดพลังงาน ดูเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/1523107561151019/posts/4429147847213628/ แต่ตอนนี้ ก็เกิดการตั้งคำถามว่าเราจะสามารถทำตาม Roadmap นี้ได้จริงหรือไม่

     สำหรับในระดับโลก การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2565 นี้จะมีการเสนอแผนกรอบความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษพลาสติกที่ส่งผลกระทบไปในสิ่งแวดล้อมทั้งบนผืนดิน แม่น้ำ และมหาสมุทร ที่เรียกย่อๆว่า Plastics treaty โดยจะมีผู้แทนจากมากกว่า 100 ชาติเข้าร่วม

     โดยในความตกลงนี้จะมุ่งแก้ไขปัญหาและจัดการพลาสติกทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการควบคุมวัสดุ การผลิต การใช้ การทิ้ง การใช้ซ้ำ และการนำกลับไปใช้ใหม่ ซึ่งจะกระตุ้นให้มีความป้องกัน และลดมลพิษปัญหาพลาสติกที่หลุดไปในสิ่งแวดล้อมทั้งบนผืนดิน และในมหาสมุทร รวมถึงปัญหาไมโครพลาสติกอีกด้วย ซึ่งหลายประเทศให้ความร่วมมือและสนับสนุนสนธิสัญญานี้

        Greenpeace ให้การสนับสนุนร่างกรอบเสนอด้านการการจัดการพลาสติกทั้งระบบ โดยชี้ว่าประเทศที่ร่วมสนับสนุนควรที่จะผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาที่นำไปสู่การปรับใช้ทางกฎหมายที่สอดคล้องกับระดับวิกฤตของปัญหาพลาสติก

     สำหรับประเทศไทยเองด้านครม.ได้เห็นชอบในหลักการความร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับนานาประเทศในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติครั้งนี้