ความสำเร็จการใช้นวัตกรรมดิจิทัลปี 2564 ลดการใช้กระดาษได้มากกว่า 4.4 ล้านแผ่น
ระบบ ESS ช่วยลดการใช้กระดาษไปได้กว่า 4.4 ล้านแผ่นต่อปี ยังลดระยะเวลาในการพิมพ์เอกสาร การรอลงนามแบบสด และการจัดเก็บเอกสาร ช่วยลดระยะเวลารอรับบริการเพียงไม่เกิน 10 นาที/ฉบับ http://winne.ws/n28714
นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ด้วยระบบการลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (ESS) จำนวน 4,405,315 หน้า คิดเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 71,444.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการไม่พิมพ์แบบคำขอดังกล่าว ช่วยลดการใช้กระดาษไปได้กว่า 4.4 ล้านแผ่นต่อปี และช่วยลดการใช้งบประมาณรัฐกว่า 790,000 บาท
นอกจากนี้ การลดขั้นตอนผ่านการใช้ระบบ ESS ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ผ่านการลดระยะเวลาในการพิมพ์เอกสาร การรอลงนามแบบสด และการจัดเก็บเอกสาร โดยช่วยลดระยะเวลารอรับบริการเหลือเพียงไม่เกิน 10 นาที/ฉบับ คาดว่าประหยัดเวลาไปได้อย่างน้อยเกือบ 300,000 ชั่วโมงต่อปี
จากการประมาณการเบื้องต้น พบว่าช่วยลดต้นทุนทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทยไปได้เกือบ 18 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้การใช้ระบบ ESS เป็นการนำนวัตกรรมมาช่วยให้สามารถให้บริการได้อย่างเต็มศักยภาพในยุค New Normal เนื่องจากช่วยลดการสัมผัสกระดาษและเป็นไปตามนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม นอกจากนี้ ยังเป็นตัวอย่างของการใช้นวัตกรรมดิจิทัลในการสนับสนุน BCG Economy Model สำหรับระยะต่อไป จะผลักดันให้ประเทศปลายทางยอมรับการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ด้วยระบบ ESS ได้ในทุกความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญในการรองรับการใช้ระบบการพิมพ์หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ณ สำนักงานของผู้ประกอบการ คาดว่าจะเริ่มใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 2565
ขอบคุณภาพและข้อมูลข่าว : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์