สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลให้มนุษย์มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป และยังสร้างพฤติกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะการสร้างขยะจำนวนมหาศาลจากการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ทั้งภาชนะพลาสติก รวมถึงอาหารเหลือทิ้ง นอกจากนี้ยังมีขยะจากอุปกรณ์ป้องกันตนเองจากโรคระบาด เช่น หน้ากากอนามัยที่ต้องใช้แล้วทิ้งทุกวัน งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Science & Technology เผยว่า หน้ากาก 1.29 แสนล้าน และถุงมือยาง 6.5 หมื่นล้านถูกใช้ทั่วโลกทุก ๆ เดือน และมีจำนวนมากในนี้ที่ไปนอนอยู่ในทะเลทั่วโลก

     ในอนาคตเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่ แต่จากบทเรียนของโควิด ทำให้เราเรียนรู้ว่า นอกจากการรักษาสุขภาพ และฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตระหนักถึงการรักษาและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมรอบตัวของเราด้วย สิ่งที่เราสามารถทำได้คือ การหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ไม่ทำลายระบบนิเวศ และปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

        เยาวชนคนรุ่นใหม่คือกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเป็นกระบอกเสียงเพื่อสิ่งแวดล้อม และช่วยส่งต่อแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พวกเขาคือความหวังที่จะสามารถหยุดยั้งความรุนแรงและผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับธรรมชาติของเรา

      ด้วยเหตุนี้ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) จึงร่วมกับ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สานต่อค่าย “เพาเวอร์กรีน ปีที่ 16” เพื่อชวนเยาวชนคนรุ่นใหม่มาเติมประสบการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงความสำคัญ สร้างความรู้ ความเข้าใจ และก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอแนวทางแก้ไข ทั้งหมดนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเปลี่ยนปรับพฤติกรรมให้เยาวชนเห็นความสำคัญของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

       บทความนี้ เราเลยอยากจะชวนทุกคนมาอ่านเรื่องราวที่แสดงถึงบทบาทของเยาวชนที่สามารถเป็นกุญแจดอกสำคัญในการดูแลและเปลี่ยนทิศทางปัญหาสิ่งแวดล้อม และมีมากกว่าเสียง หรือข้อความที่จะส่งไปถึงผู้ใหญ่ และผู้ที่มีอำนาจในการปรับเปลี่ยนนโยบาย มาอ่านพลังของเยาวชนใต้แคปชั่นรูปต่อไปกันได้เลย

ที่มา https://web.facebook.com/environman.th/