นักวิจัยเผย 'ฝนตก' กำลังเข้ามาแทนที่ "หิมะตก' ในพื้นที่อาร์กติกภายในสิ้นศตวรรษ
สิ่งที่น่ากังวลก็คือ หิมะในแถบอาร์กติกนั้นมีความสำคัญกับการสร้างน้ำแข็งในทะเล (sea ice) เป็นอย่างมาก แต่เมื่อหิมะตกน้อยลง ปริมาณน้ำแข็งในทะเลก็จะน้อยลงตามไปด้วย http://winne.ws/n28477
โลกร้อนทำพิษ! วิจัยเผย ‘ฝนตก’ จะเข้ามาแทนที่ ‘หิมะตก’ ในพื้นที่อาร์กติกภายในศตวรรษนี้หากอุณหภูมิโลกยังเพิ่มขึ้น จ่อกระทบสภาพภูมิอากาศ-สิ่งมีชีวิต-ชั้นดินเยือกแข็ง อาจเร่งให้โลกร้อนขึ้นอีก
ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีหิมะตกมากกว่าฝนตกในเขตอาร์กติก แต่แบบจำลองสภาพภูมิอากาศจากงานศึกษาชิ้นใหม่เผยว่า หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นมาถึง 3 องศาเซลเซียสภายในศตวรรษนี้ พื้นที่ในเขตอาร์กติกจะมีฝนตกมากขึ้น ซึ่งหากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นมาแค่ประมาณ 1.5 ถึง 2 องศาเซลเซียส พื้นที่แถบทะเลกรีนแลนด์และนอร์เวย์ก็จะยังมีฝนตกมากขึ้นอยู่ดี
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจากหิมะไปเป็นฝนอาจเกิดเร็วขึ้นนับสิบปีจากที่เคยมีการคาดการณ์ไว้ นักวิจัยเชื่อว่า เขตอาร์กติกที่กำลังร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วสามารถเปลี่ยนกระแสลมกรด (jet stream) ที่อาจนำไปสู่สภาพภูมิอากาศสุดขั้วในยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ โดยนักวิจัยระบุว่า เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เกิดฝนตกบนยอดเขาน้ำแข็งในกรีนแลนด์เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เคยมีการบันทึกมา
สิ่งที่น่ากังวลก็คือ หิมะในแถบอาร์กติกนั้นมีความสำคัญกับการสร้างน้ำแข็งในทะเล (sea ice) เป็นอย่างมาก แต่เมื่อหิมะตกน้อยลง ปริมาณแผ่นน้ำแข็งก็จะน้อยลงตามไปด้วย ส่งผลให้ทะเลดูดซับความร้อนมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ชั้นดินเยือกแข็ง (permafrost) ในอาร์กติกละลาย และปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนและก๊าซมีเทนจำนวนมากที่ถูกกักเก็บมานานหลายร้อยถึงหลายแสนปี
ส่วนสัตว์ อย่าง กวางเรนเดียร์และวัวมัสค์ (musk ox) ที่อาศัยอยู่ในทุ่งหิมะทุนดรา (arctic tundra) อาจเสียชีวิตหมู่ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาโดนหิมะจะแข็งตัว ทำให้ผืนหญ้าที่เป็นอาหารของสัตว์เหล่านี้ถูกปกคลุมอยู่ภายใต้แผ่นน้ำแข็ง
“คุณอาจคิดว่าเขตอาร์กติกอยู่ไกลจากคุณมาก แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในอาร์กติกกำลังจะส่งผลกระทบไปยังบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย” Michelle McCrystall นักวิจัยจาก University of Manitoba กล่าว