แพทย์ชนบท 400 ชีวิต เสริมทัพสู้โควิดเมืองกรุง
ผู้ป่วยล้นกรุง โรงพยาบาลเต็ม หมอไม่ไหว วิกฤตจ่ออกด่านหน้า จนต้องขอกำลังเสริม http://winne.ws/n28015
วันที่ 4 ส.ค.2564 นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ภาพทีมเเพทย์ชนบท บุกกรุงครั้งที่3 เพื่อสู้กับโควิด
โดยระบุข้อความว่า
เริ่มแล้ว...day1 ปฏิบัติการแพทย์ชนบทกู้ภัยโควิดกรุงเทพมหานคร.4-10 สิงหาคม 2564
กว่า 400 ชีวิตจาก 40 ทีม พร้อม!!
ทุกคนมาด้วยพลังและความมุ่งมั่น ลงปฏิบัติการ 24 จุดทั่วกรุง
การสู้กับเชื้อโรคครั้งนี้ เป้าหมายคือค้นหาผู้ติดเชื้อให้มาก เจอให้เร็ว รักษาจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์เร็ว นำเข้าระบบ home isolation จะได้ลดอัตราป่วยหนักที่ต้องการเตียงโรงพยาบาล(เพราะเตียงโรงพยาบาลล้นสุดๆแล้ว) และลดอัตราการเสียชีวิตอันเนื่องจากการเข้าไม่ถึงยาหรือเข้าไม่ถึงโรงพยาบาลลงได้
เราคงลดอัตราการติดเชื้อไม่ได้โดยง่าย แต่หวังว่าจะลดอัตราเตียงล้นโรงพยาบาลในกรุงเทพและลดอัตราตายลงได้บ้าง
แพทย์ชนบทบุกกรุงครั้งที่ 3 ปฏิบัติการสร้างความหวัง สู้ภัยโควิด เพื่อคนกรุง
หลังจากการปฏิบัติการแพทย์ชนบททั้ง 2 ครั้ง วันวันที่ 14-16 และ วันที่ 21-23 กรกฏาคม 2564 ซึ่งมีทีมแพทย์ชนบทรวม 2 ครั้ง 20 ทีมมาร่วมบุกกรุง เพื่อตรวจคัดกรองโควิดให้กับคนกรุงในพื้นที่ชุมชนแออัดที่เข้าไม่ถึงบริการทางการแพทย์ สามารถตรวจหาเชื้อได้กว่า 51,000 ราย พบผู้ติดเชื้อกว่า 7,000 ราย และสัญญาว่า "เราจะกลับมาอีก"
หลังจากการเตรียมตัวอย่างทรหดและประสานงานกันมาหลายวัน ปฏิบัติการบุกกรุงในครั้งที่ 3 จึงเกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอนแล้วในวันที่ 4-10 สิงหาคม 2564 ต่อเนื่องรวม 7 วัน ด้วยทีมบุคลากรสาธารณสุขจากต่างจังหวัดกว่า 38 ทีม เฉลี่ยทีมละ 8-10 คน เล็กบ้างใหญ่บ้างตามแต่ใครจะรวบรวมกำลังส่งมาช่วยกู้กรุงได้กี่คน
Design การทำงานกู้ภัยโควิดในครั้งนี้จะครบวงจรมากขึ้น เริ่มด้วยการทำการ swab หาเชื้อด้วย rapid test หากได้ผลลบให้กลับบ้านได้หรือไปรับบริการวัคซีนจากทีมของกรุงเทพมหานครที่จะมาร่วมออกหน่วยด้วย แต่หากผลเป็นบวกก็จะถูกตามมาตรวจ rtPCR ซ้ำ ได้รับบริการยาฟ้าทะลายโจรหรือ Favipiravir และนำเข้าระบบ Home Isolation ของ สปสช.ในวันเดียวกันเพื่อการดูแลรักษาที่ต่อเนื่อง
ครั้งนี้ด้วยความร่วมมือที่กว้างขวาง จะมีการระดมทีมลงปฏิบัติการในชุมชนวันละ 30 จุด โดยสามารถตรวจและดูแลตามภารกิจที่วางไว้ได้จุดละ 1,000 คนต่อวัน รวมเป็นวันละ 30,000 ราย x 7 วันก็จะคัดกรองโรคได้ประมาณ 210,000 ราย
และจะมีทีมของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ที่จะนำทีมใหญ่มาคัดกรองแบบ walk in วันละ 5,000 คน ในจุดต่างๆ เปลี่ยนจุดไปทุกวัน x 7 วัน ก็จะคัดกรองได้อีก 35,000 ราย
ดังนั้นจากการประมาณการ ปฏิบัติการครั้งนี้จะสามารถคัดกรองผู้คนในเมืองกรุงได้ 250,000 ราย หากผลบวกอยู่ที่ประมาณ 10-15% ก็จะพบผู้ที่มีเชื้อโควิดที่จะเข้าสู่ระบบการดูแลรักษา จำนวน 25,000-32,500 คน ซึ่งน่าจะสามารถตัดตอนการระบาดไปได้พอสมควร และสามารถช่วยลดภาระเตียงล้นของโรงพยาบาลใน กทม.ลงได้ เพราะเราจะพยายามจ่ายยา favipiravir ให้กับผู้ติดเชื้อตามเกณฑ์ที่ควรรับยาทุกคน เพื่อลดโอกาสที่เขาจะป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล
ปฏิบัติการแห่งความหวังในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือจากหลายฝ่ายที่รวมพลังกันสู้ภัยโควิด กทม. อันได้แก่ ชมรมแพทย์ชนบท กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรุงเทพมหานคร รวมทั้งทีมอาสาจากภาคประชาชนคือ ทีมโควิดชุมชน(Com-Covid) เครือข่ายแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และ IHRI และอีกหลายองค์กร เป็นความร่วมมือที่มหัศจรรย์ภายใต้เงื่อนเวลาที่เร่งรัดและทุกคนต่างก็มีภารกิจประจำอันมากมาย
หัวใจของการสู้ภัยโควิดอยู่ "ความหวัง" ปฏิบัติการครั้งนี้มุ่งสร้างความหวังให้กับทุกคนในกรุงเทพมหานครรวมทั้งคนไทยทั้งประเทศ ด้วยความหวังที่อยากเห็นทุกคนทุกองค์กรออกมาช่วยกัน ระดมสรรพกำลังให้เต็มที่ ใครทำอะไรได้ทำ อย่าคิดนาน ทำด้วยความเร็วในอัตราเร่งที่ให้ทันกับการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้า ความหวังในท่ามกลางความหดหู่ที่แสนเหน็ดเหนื่อยเท่านั้นที่จะช่วยให้ทุกคนฮึดสู้ และรวมพลังคนไทยสู้ภัยโควิดในครั้งนี้ ให้เราผ่านมันไปด้วยความสูญเสียทั้งด้านชีวิตและเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด
นี่คือความในใจของทีมด่านหน้า จันนับถือหัวใจที่สุด
ที่มา https://www.ejan.co/