กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์สูบน้ำ 311 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 63 คัน กระจายติดตั้งและขนส่งน้ำไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้งทั่วประเทศ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรนอกเขตชลประทาน 119 ล้านไร่

       นายสุวัฒน์ เปี่ยมปัจจัย อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า ศูนย์เมขลาโดยกรมทรัพยากรน้ำ และศูนย์นาคราช โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้บูรณาการข้อมูลติดตามสถานการณ์ภัยแล้งร่วมกัน เพื่อประเมินเข้าช่วยเหลือในพื้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทั่วประเทศ โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ถึงปัจจุบัน ได้สูบน้ำเข้าเพิ่มในแหล่งน้ำต้นทุนแล้ว 27 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้พื้นที่วิกฤตมีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคเพียงพอในช่วงที่ผ่านมา และได้จัดเตรียมต่อเนื่องจนกว่าจะพ้นฤดูแล้งในปีนี้

       ทั้งนี้ได้เตรียมน้ำสะอาดให้ประชาชนไปแล้วกว่า 4.25 ล้านลิตร น้ำดื่มสะอาด 417,550 ลิตร ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 333,604 ครัวเรือน พื้นที่เกษตรได้รับประโยชน์ 84,950 ไร่ ขณะที่ปริมาณน้ำกักเก็บนอกเขตชลประทานที่ตรียมไว้นั้นมีประมาณ 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคในช่วงที่เหลือของฤดูแล้ง ซึ่งคาดว่าปลายเดือนพฤษภาคมจะเริ่มมีฝนเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเติมน้ำเข้าระบบและคลี่คลายภัยแล้งในหลายพื้นที่ได้

ส่วนในระยะยาวได้เตรียมแผนวางระบบระบบน้ำต่างๆไปรองรับ ซึ่งจะช่วยรับมือภัยแล้งในช่วงต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

      นายกุศล โชติรัตน์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า ได้ดำเนินการเร่งขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลตามแผนในปีนี้แล้วร้อยละ 80 หรือประมาณ 1,600 บ่อ เหลือบ่อบาดาลที่ต้องขุดเพิ่มในแหล่งเป้าหมายอีกประมาณกว่า 300 บ่อ ซึ่งคาดว่าจะขุดได้ครบ 1,900 บ่อภายในเดือนเมษายน 2562 ซึ่งจากข้อมูลของ สทนช. กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ขุดบ่อน้ำในพื้นที่เป้าหมายเสี่ยงขาดแคลนน้ำครบทุกพื้นที่ รวม 737 แห่ง ทำให้มีแหล่งน้ำคุณภาพเพิ่มเติมให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ 129,097 ครัวเรือน สามารถผลิตน้ำใช้ประโยชน์ได้ 44 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี