'ภูเขาสายรุ้ง' แหล่งท่องเที่ยวใหม่ในเปรู กับอนาคตที่ไม่แน่นอน
นักท่องเที่ยวต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออก เมื่อปีนขึ้นไปถึงยอดเขาในเทือกเขาแอนดีส ซึ่งอยู่ที่ระดับความสูง 5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แม้ว่าจะเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ทุกคนก็ต้องตะลึงพรึงเพริดไปกับความงดงามอย่างน่ามหัศจรรย์ที่อยู่ตรงเบื้องหน้า http://winne.ws/n23812
ริ้วสีเขียวคราม ม่วงอ่อน และสีทอง ซึ่งทอดเรียงรายไปตามแนวเขา ทำให้เกิดเป็นภูเขาสายรุ้งนั้น เกิดจากการผสมตัวของแร่ธาตุต่าง ๆ มาเป็นระยะเวลาหลายล้านปี
ผู้คนทราบถึงความงามของ "ภูเขาสายรุ้ง" หรือ "Rainbow mountain" เมื่อราวห้าปีที่แล้ว บ้างก็ว่าภาพของภูเขาสายรุ้งที่เคยพบเห็น เป็นเพียงการใช้เทคนิคเพื่อตกแต่งภาพขึ้นมา แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้านักปีนเขานั้นเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างแท้จริง
ภูเขาสายรุ้งได้รับความนิยมอย่างมากและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้วันละกว่า 1,000 คน ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน แต่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกรงว่า นักท่องเที่ยวอาจจะเป็นตัวทำลายภูมิประเทศอันล้ำค่า ซึ่งตอนนี้ก็เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาบริษัทเหมืองแร่นานาชาติอยู่แล้ว
Dina Farfan นักชีววิทยาชาวเปรู เชื่อว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากจะสร้างผลเสียต่อวิถีชีวิตผู้คนที่นี่ และชี้ว่าทางเดินไปสู่ภูเขาสายรุ้งซึ่งมีระยะทางกว่า 4 กม. สึกกร่อนอย่างรุนแรงจากการปีนป่ายของมนุษย์ ภายในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา สร้างรอยแผลเป็นให้แก่แหล่งอารยธรรมโบราณแห่งนี้
นอกจากนี้พื้นที่ชุมน้ำซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีเป็ดอพยพมาอยู่มากมาย ต้องกลายเป็นลานจอดรถขนาดเท่า 5 สนามฟุตบอล ทุกๆ เช้าลานจอดรถจะเต็มไปด้วยรถตู้ของนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป และอเมริกัน
แม้ว่าการที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ขาดสาย จะนำงานและเงินมาสู่ชุมชนคนพื้นเมือง Pampachiri ซึ่งมีอัตราผู้ติดสุราและการขาดสารอาหารอยู่ในระดับสูงแห่งนี้ แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่ทิ้งชีวิตเร่ร่อนเพื่อไปทำงานในเหมืองแร่ทองคำที่เสี่ยงอันตรายอยู่ในป่าอะเมซอน
ปัจจุบันสถานท่องเที่ยวแห่งนี้เรียกเก็บค่าเข้าคนละ $3 สร้างรายได้แก่ชุมชนราวปีละ $400,000 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว มาพร้อมๆ กับความรับผิดชอบของคนในชุมชน ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึง Gabino Huaman ผู้นำของชุมชนแห่งนี้ยอมรับว่า เขาเองยังไม่แน่ใจว่าคนในชุมชนจะสามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้หรือไม่
ขอบคุณบทความจากเว็บ https://www.voathai.com
ขอบคุณภาพจากเว็บ https://pixabay.com