กระแสดราม่า ดอกบัวตอง ยุชาวสามหมอก ฟ้อง"นักวิชาการเอเลี่ยน"

กระแสดราม่า ดอกบัวตองไม่รู้จบ ด้านนักวิชาการอ้างกระทบจริงแต่เสียงอ่อนลง แค่ต้องการให้ควบคุม ส่วนคนในพื้นที่ยันไม่กระทบแต่อีกด้าน ยุให้ฟ้อง"นักวิชาการเอเลี่ยน" http://winne.ws/n20822

1.8 พัน ผู้เข้าชม
กระแสดราม่า ดอกบัวตอง ยุชาวสามหมอก ฟ้อง"นักวิชาการเอเลี่ยน"ขอขอบคุณภาพจาก Kapook Travel

          27พ.ย.60 ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายบุญสม ชูสวรรค์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากกรณีผศ.ดร.ศศิวิมล แสวงผล อาจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายทรงธรรม สุกสว่าง ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องดอกบัวตอง ผ่านรายการของสถานีเนชั่นทีวี

          ด้านผศ.ดร.ศศิวิมล ระบุว่าเป็นพืชต่างถิ่นแต่ก็ยอมรับว่า บางแห่งไม่ได้เป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์ ซึ่งในตอนแรกทางนักวิชาการ ไม่ได้กล่าวเช่นนั้น แต่ได้กล่าวคำพูดออกมาแล้ว ทำให้คนฟังตกใจกลัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะคำว่า เอเลี่ยน ซึ่งข้อเท็จจริง ต้นดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอ เป็นจุดที่อยู่บนความสูงถึง 1,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีสภาพอากาศหนาวเย็น ไม่ได้มีการปลูกแซมกับพืชอื่นใดใด มีแต่พืชอื่นมาแซม 

            ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่า จุดดังกล่าวเป็นจุดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว และมีการดูแลควบคุมไม่ให้มีการลุกลามไปยังพื้นที่อื่น หากมีการลุกลามแล้ว เกษตรกรในพื้นที่เขาจะกำจัดเองเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร นอกจากนั้น ที่ว่าบัวตองมีสารพิษนั้น ก็ไม่ชัดเจนเพราะวัวควายในพื้นที่ยังกินต้นบัวตองและเป็นที่ชื่นชอบของสัตว์เหล่านั้นเป็นอย่างมาก จนทางท้องถิ่นและหน่วยอุทยานทุ่งบัวต้อง ต้องสร้างรั้วป้องกันไม่ให้วัวควายเข้ามากิน ฉะนั้นขอให้นักท่องเที่ยวทุกท่านไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด

          นายบุญสม กล่าวว่า  จากกระแสข่าวเรื่องต้นดอกบัวตอง ที่ลุกลามไปใหญ่โต ในโลกสังคมออนไลน์พบว่ามีคนจำนวนมาก พากันโกรธนักวิชาการที่ออกมาโพสต์ว่าดอกบัวตองเป็นเอเลี่ยน และได้มีการยุให้ชาวแม่ฮ่องสอน ออกมาฟ้องร้องเอาผิดนักวิชาการ เนื่องจากคำพูดดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของชาวแม่ฮ่องสอน โดยตรง เนื่องจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองท่องเที่ยวและมีรายได้สูงสุดมาจากการท่องเที่ยว

           โดยเฟซบุ๊คของ “Jojo Ongkarn”  ซึ่งเจ้าของเป็น ผจก.บมจ.หอหมั่นเมือง และเป็นนักออแกไนเซอร์ ชื่อดังของประเทศ กล่าวว่า วันนี้ขอพูดถึงเรื่อง “บัวตอง สยองขวัญ” ตามข่าวที่กำลังเป็นประเด็นตามลิงค์นี้ >>> http://www.newtv.co.th/news/8212 

          แม้ว่าตนไม่ใช่เป็นคนแม่ฮ่องสอน แต่ไปทำงานที่นั่นบ่อยๆร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดมา 5 คน 5 สมัยแล้ว.. ได้สัมผัสวิถีชีวิต ความเชื่อ และขนบธรรมเนียมของชาวแม่ฮ่องสอน จึงรู้ดีว่าพวกเขาเป็นคนรักถิ่นฐานบ้านเกิด และถือเอาสิ่งที่อยู่ด้วยกันมาแต่กำเนิดคือ “ขนบ” คือ “ชีวิต” ที่เขาต้องดูแล เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เหมือนคนจีนไหว้พระจันทร์มานับพันปี แต่เมื่อยานอพอลโลไปลงดวงจันทร์ นักบินอวกาศเหยียบพื้นดวงจันทร์ แล้วบอกว่าเป็นก้าวแรกแห่งมวลมนุษยชาติ แต่นั่นก็เป็นก้าวแรกแห่งการรุกล้ำจิตใจของชาวจีนที่พร่ำไหว้พระจันทร์ที่เขานับถือกันมาเช่นกัน..

         ดังนั้น ฉันใดฉันนั้น การที่ ดร.หญิงอ้างตัวว่าเป็นนักวิชาการ แล้วเผยแพร่ข่าวสารว่า “ดอกบัวตอง”ของชาวแม่ฮ่องสอนเป็นมหันตภัยร้าย ระดับ เอเลี่ยน โดยใช้คำว่า “บัวตอง สยองขวัญ” จึงถือเป็นการเหยียบย่ำ ขนบ ของคนหมู่มาก เพราะการออกมาพูดแบบนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ...จริงอยู่ที่เธออ้างว่าถ้าไม่ควบคุมให้แพร่พันธุ์จะเป็นภัยร้าย แต่ชาวแม่ฮ่องสอนเขาก็ไม่เคยคิดจะขยายพันธุ์มันเกินพื้นที่เล็กๆนั่นเลย เพราะเขาต้องทำมาหากินปลูกพืชเกษตรเช่นกัน ทุกอย่างมันเป็นไปตามกลไกของการจัดสรรมาหลายสิบปีแล้ว..แต่สิ่งที่ควบคุมไม่ได้คือ “ปาก”ของนักวิชาการนั่นมากกว่า 

          โดยผลเสียที่ตามมาคือจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงด้วยความเข้าใจผิดกับการใช้คำพูดของเธอ ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในวงกว้าง  ล่าสุดได้คุยกับชาวบ้านคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมๆกับทุ่งบัวตอง 50 กว่าปีมาแล้ว เขาบอกว่าต้นดอกบัวตองไม่มีพิษใดๆ วัวควายกินแล้วก็ไม่เห็นล้มตาย พืชพรรณอื่นก็เติบโตขึ้นข้างๆได้ดี

         “ท้ายนี้ผมขอแนะนำให้ชาวแม่ฮ่องสอนลุกขึ้นมาตอบโต้เพื่อรักษาขนบของเราไว้ ด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้คำที่ว่า บัวตองสยองขวัญ ด้วยข้อหา ใช้คำเกินกว่าเหตุ เพราะคำนี้ใช้สำหรับสิ่งที่เป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวเท่านั้น..และผมยินดีช่วยในทุกขั้นตอน”

         อีกราย Thanathai Khamklang  โพสต์ตอบโต้ในเฟซบุ๊คว่า ถ้าเขามาดูพื้นที่ก่อนคงจะหูตาสว่าง และทำร้ายจิตใจของผู้ที่ตั้งใจทำงานทุกท่าน โดยเฉพาะท่านนายอำเภอขุนยวมและทีมงานที่มีส่วนช่วยกันอนุรักษ์ผลักดันให้ทุ่งบัวตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ทั้งความสุนทรียภาพทางจิตใจและสัมผัสความหนาวเย็นสบายทางร่างกายและอากาศบริสุทธิ์สดชื่นแก่ผู้ที่มาท่องเที่ยว ดอกบัวตองไม่ได้เป็นเอเลี่ยนแน่นอน เพราะเขาอยู่มาตั้ง 90 กว่าปีมาแล้วครับ ไม่เคยทำร้ายพืชใดๆ เลย ผมเองก็เกิดที่ขุนยวมครับ เห็นบัวตองมาตั้งแต่ปี 2498 แล้ว ในลำห้วยบริเวณติดกับโรงเรียนอนุบาลขุนยวมจะมีเยอะมาก ชาวบ้านเรียกว่าดอกขี้งัว เพราะถ้าบี้ใบหรือดอกแล้วจะมีกลิ่นเหมือนมูลวัวครับ

           ถ้าจะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส พวกเราชาวขุนยวมควรจะช่วยกันปลูกบัวตองสองข้างถนนในเขตอำเภอขุนยวมจะดีไหมครับ ให้เป็นแลนด์มาร์คเลยคือพอขับรถเข้ามาในเขตอำเภอขุนยวมก็จะเห็นดอกบัวตองบานสะพรั่งทั้งสองข้างทางแต่ควรปลูกห่างจากถนนสักหน่อยกันไม่ให้บัวตองคลุมมาถึงถนนมากเกินไป บางทีอาจจะดีกว่าการฉาบคอนกรีตเพื่อป้องกันการพังทลายของดินเพราะบัวตองจะช่วยคลุมดินและยึดดินไว้ได้ และเป็นเอกลักษณ์ของขุนยวม

กระแสดราม่า ดอกบัวตอง ยุชาวสามหมอก ฟ้อง"นักวิชาการเอเลี่ยน"ขอขอบคุณภาพจาก Kapook Travel
กระแสดราม่า ดอกบัวตอง ยุชาวสามหมอก ฟ้อง"นักวิชาการเอเลี่ยน"ขอขอบคุณภาพจาก Pantip
กระแสดราม่า ดอกบัวตอง ยุชาวสามหมอก ฟ้อง"นักวิชาการเอเลี่ยน"

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก http://www.komchadluek.net

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/regional/303692

แชร์