เกือบทั้งชีวิตต้องทำงาน แล้วความสุขในงานของคุณ..อยู่ตรงไหน..ครับ ?
และแม้งานมันจะมีเรื่องน่าเบื่อถึง 90% แต่มันก็ยังมีอีกตั้ง 10% ที่โผล่มาให้เราชื่นใจ สำหรับผม 10% นั้นคือตอนที่เราได้คนเก่ง ๆ มาร่วมงานกับเรา หรือตอนที่คำพูดบางประโยคของผมทำให้น้องที่คิดจะออกเปลี่ยนใจอยู่กับเราต่อไป http://winne.ws/n20014
90% ของงานนั้นน่าเบื่อ
“90% of my work is boring.”
นี่คือคำพูดจากปากของคนที่รักในสิ่งที่ตัวเองทำ และทำมันได้ดีจนประสบความสำเร็จในระดับที่มีคนเชิญไปสัมภาษณ์ลงพอดคาสท์นะครับ
ผมลองกลับมามองงานของตัวเองที่ทำเป็น Head of People ที่ Wongnai ซึ่งเป็นงานที่ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าชอบมาก
แต่ถ้าลองให้มนุษย์ต่างดาวมานั่งสังเกตการณ์ผมทั้งวัน จะเห็นว่าผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่หน้าจอคอม นั่งจ้อง spreadsheet ที่มีหลายร้อยบรรทัด ไม่ก็อ่าน resume 40-50 ฉบับ นานๆ ทีก็จะเปิด Gmail ขึ้นมาส่งเมลครั้งนึง สลับกับเปลี่ยนหน้าจอไปคุย Slack กับเพื่อนร่วมงาน ทุกชั่วโมงอาจจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำหรือดื่มน้ำบ้าง บางทีก็มีคนเดินมาคุยที่โต๊ะแบบเงียบ ๆ หรือบางวันก็มีคนเดินมาถามว่า “พี่รุตม์ว่างมั้ยครับ” เพื่อเข้าห้องไปนั่งฟังปัญหาที่น้องเค้าประสบอยู่
เป็นอย่างนี้เกือบทุกวันในสัปดาห์และเกือบทุกสัปดาห์ของปี
เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวคงทนอยู่กับผมได้ซักสองสามวันแล้วส่งรายงานกลับไปยังงานแม่ว่างานของมนุษย์นี่น่าเบื่อชะมัด
งานทุกงานทุกสายอาชีพจึงไม่มีงานใดที่สนุกไปหมด 100%
เป็นเจ้าของธุรกิจก็ต้องเบื่อเรื่องคนออก เรื่องบัญชี เรื่องหมุนเงิน เรื่องลงทุนแล้วเจ๊ง
โค้ชสร้างแรงบันดาลใจก็มีเรื่องน่าเบื่อ (คนสมัครไม่เต็มซะที โฆษณาไปหลายรอบแล้วนะ!)
ขนาดอาชีพในฝันของใครหลายๆ คนอย่างนักดนตรี มันก็ต้องมีเรื่องน่าเบื่อ เช่นเล่นแทบตายแต่คนไม่ฟัง หรือมีคนฟังแต่มันไปหน่อยจนยกพวกตีกัน หรือเรามีเพลงดีๆ เป็นสิบแต่คนอยากฟังอยู่แค่สองสามเพลง
แค่คิดภาพว่าผมเป็นพี่ป๊อดที่โดนขอเพลง “ก่อน” เป็นรอบที่ 8,792 ผมก็รู้สึกเบื่อแทนแล้ว
ก็น่าจะพออนุมานได้ว่า นอกจากความน่าเบื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากความน่าเบื่อไม่มีอะไรตั้งอยู่ และนอกจากน่าเบื่อไม่มีอะไรดับไป
เป้าหมายจึงไม่ใช่การหางานที่มีแต่เรื่องสนุก เพราะมันไม่มีอยู่จริงหรอก
เป้าหมายคือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับเรื่องน่าเบื่อในงานที่เราเลือกแล้วต่างหาก
และแม้งานมันจะมีเรื่องน่าเบื่อถึง 90% แต่มันก็ยังมีอีกตั้ง 10% ที่โผล่มาให้เราชื่นใจ
สำหรับผม 10% นั้นคือตอนที่เราได้คนเก่ง ๆ มาร่วมงานกับเรา หรือตอนที่คำพูดบางประโยคของผมทำให้น้องที่คิดจะออกเปลี่ยนใจอยู่กับเราต่อไป
มองหา 10% ของความสนุกในงานของเราให้เจอ และเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับความน่าเบื่ออีก 90% ให้ได้
แล้วเราอาจจะพบว่า “งานที่ใช่ ” นั้นหาง่ายกว่าที่คิดครับ