ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ 

สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้พระนครพาราณสี 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนสุด 2 อย่างนี้ อันบรรพชิตไม่ควรปฏิบัติเลย

ส่วนสุดด้วยการหมกมุ่น อยู่ในเรื่องกามสุขในกามทั้งหลาย  เป็นของเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์

การทำความเดือดร้อนแก่ตน เป็นทุกข์ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์

ข้อปฏฺิบัติอันเป็นสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ ส่วนสุด 2 อย่างนี้ อันตถาคตได้ตรัสรู้แล้วเป็นปฏิปทา ก่อให้เกิดจักษุ เกิดญาณ เป็นไปเพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อการตรัสรู้ เพื่อนิพพาน.

ก็ข้อปฏฺิบัติอันเป็นสายกลาง  อันตถาคตตรัสรู้แล้ว อันเป็นปฏิปทา ก่อให้เกิดจักษุ เกิดญาณ เป็นไปเพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อการตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เป็นไฉน

คืออริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 นี้แหละซึ่งได้แก่

ความเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ การเลี้ยงชีพชอบ การเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจชอบ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย...จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขอริยสัจ. คือแม้ความเกิด ความแก่ ความตาย ความคับแค้นใจ ความเศร้าโศก ความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก ความร่ำพิไรรำพัน ก็เป็นทุกข์ ...ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ โดยย่อ อุปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้เป็น ทุกขสมุทยอริยสัจ คือ ตัณหา อันทำให้เกิดอีก ประกอบด้วยความเพลิดเพลินใน อารมณ์นั้น ได้แก่ ตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้คือ ทุกขนิโรธอริยสัจ คือความดับ คือการสำลอก โดยไม่เหลือแห่งตัณหานั้นแหละ ความสละ ความวาง ความปล่อย ไม่อาลัย

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้คือ ทุกขนิโรธคามินีอริยสัจ คืออริยมรรค ประกอบด้วยองค์ 8 ประการนี้แล....

ดูกรภิกษุทั้งหลาย...จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขอริยสัจ.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย...จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขอริยสัจ. นั้น ควรกำหนดรู้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขอริยสัจ. เราได้กำหนดรู้แล้ว

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขสมุทยอริยสัจ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขสมุทย นั้น ควรละ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขสมุทยอริยสัจ นั้น เราละได้แล้ว

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขนิโรธอริยสัจ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขนิโรธอริยสัจ นั้น ควรกระทำให้แจ้ง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขนิโรธอริยสัจ นั้น เราได้กระทำให้แจ้งแล้ว

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ นั้น ควรเจริญ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย......จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ นั้น เราได้เจริญแล้ว.

       ฟังต่อให้จบนะครับ แล้วจะช่วยให้สวดได้ความรู้และสามารถนำมาปฏิบัติจริงในชีวิตได้ด้วยตัวเอง ยิ่งสวดจะยิ่งเข้าใจ ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บอกอะไรแก่มนุษย์ ผู้ยังมีดวงตาที่มืดบอด เพราะไม่รู้ความจริงของชีวิต..

ขอบคุณวิดิโอจาก:  https://youtu.be/UtPpxtP3yAQ