เปิดคำทำนายของโหรหลวงรัชกาลที่ 1 เกี่ยวกับชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์

มีผู้เฒ่าเล่ากันต่อๆ มาว่าในรัชกาลที่ 1 ทรงตรัสกับโหราที่มาเข้าเฝ้าว่า" ท่านมาก็ดีแล้ว ท่านโหรา ฉันจะให้ท่านพยากรณ์โชคชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์ว่า ต่อไปเบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร" http://winne.ws/n9317

8.5 พัน ผู้เข้าชม

รัชกาล 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

เปิดคำทำนายของโหรหลวงรัชกาลที่ 1  เกี่ยวกับชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์

ในรัชกาลสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีผู้เฒ่าเล่ากันต่อๆ มาว่าในรัชกาล 1 สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 

วันหนึ่งเวลาเย็นขณะที่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกประทับอยู่ ณ ตำหนัก ในขณะนั้นก็พอดีพระโหราผ่านมาจะเข้าเฝ้า พระองค์ก็เลยรับสั่งให้หา พระพุทธยอดฟ้าจึงเผยพระโอษฐ์ขึ้นก่อนว่า ท่านมาก็ดีแล้ว ท่านโหรา ฉันจะให้ท่านพยากรณ์โชคชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์ว่า ต่อไปเบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร

 พระโหราจึงกราบทูลว่า

 พระอาญาไม่พ้นเกล้า การถวายคำพยากรณ์โชคชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเรื่องสำคัญจำจะต้องตรวจการพยากรณ์ โดยความระมัดระวังจะต้องใช้เวลาถึง 3 วันจึงจะกราบทูลถวายคำพยากรณ์ได้

พระมหากษัตริย์ไทย ในราชวงศ์จักรี รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9

เปิดคำทำนายของโหรหลวงรัชกาลที่ 1  เกี่ยวกับชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์

ครั้งแล้วท่านโหราธิบดีได้จด ปี เดือน วัน เวลา ของวันที่ลงหลักเมือง กรุงรัตนโกสินทร์ ตามที่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรับสั่ง แล้วจึงกราบทูลลากลับไป พอครบ 3 วัน พระโหราธิบดีจึงมาเฝ้าสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกตามนัด และได้ถวายคำพยากรณ์เป็น 12 ยุค ดังนี้

ยุคที่ 1 ได้แก่ รัชกาลที่ 1 ชื่อว่า มหากาฬ

มีอรรถาธิบายว่า รัชกาลของพระองค์นี้มืดมาก คือพระองค์ไม่รู้ที่จะดำเนินรัฐประศาสนโนบายของประเทศไปในทางไหนดี เพราะเป็นระยะเริ่มก่อร่างสร้างกรุง

ยุคที่ 2 ได้แก่รัชกาลที่ 2 ชื่อว่า พาลยัค

มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่รับมอบหมายสืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ไปจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินผู้ที่ประกอบไปด้วยความอ่อนแอไม่มีความสามารถในการปกครอง

ยุคที่ 3 ได้แก่รัชกาลที่ 3 ชื่อว่า รักมิตร

มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบราชสมบัติต่อมาถึงรัชกาลที่ 3 นี้จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงโปรดที่จะทำสัญญาผูกสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศมาก

ยุคที่ 4 ได้แก่รัชกาลที่ 4 ชื่อว่า สถิตย์ธรรม 

มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบราชสมบัติต่อมาถึงรัชกาลที่ 4 นี้ จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงพอพระทัยฝักใผ่ในทางธรรม และพระพุทธศาสนามาก

ยุคที่ 5 ได้แก่รัชกาลที่ 5 ชื่อว่า จำแขนขาด

มีอรรถาธิบายว่า จะมีการเสียดินแดนให้แก่ต่างประเทศ ในรัชกาลที่ 5 ด้วยความจำใจ

ยุคที่ 6 ได้แก่รัชกาลที่ 6 ชื่อว่า ราชโจรัญ

มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบราชสมบัติต่อมาถึงราชกาลที่ 6 นี้ เป็นพระราชาที่เปรียบเสมือนโจร คือพระเจ้าแผ่นดินที่จับจ่ายใช้สอยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาก

ยุคที่ 7 ได้แก่รัชกาลที่ 7 ชื่อว่า ทัณฑ์ทุกข์

มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบราชสมบัติถึงรัชกาลที่ 7 นี้จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มารับเคราะห์หนักตลอดรัชสมัย

ยุคที่ 8 ได้แก่รัชกาลที่ 8 ชื่อว่า ยุคทมิฬ 

มีอรรถาธิบายว่า จะเกิดมีสงครามในยุคนี้ ประชาชน ประชาชาติจะต้องเสียสละทรัพย์สมบัติและเลือดเนื้อ เพื่อรักษาไว้ของส่วนใหญ่อันเป็นที่รัก (แต่พระโหรา มิได้ทำนายไว้ถึงว่า รัชกาลที่ 8 จะประสบเหตุการณ์ถึงสิ้นพระชนม์ด้วยลักษณการเช่นนี้)

ยุคที่ 9 ได้แก่รัชสมัยปรัตยุบันนี้ ชื่อว่า ถิ่นสกาว

มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่สืบสันตติวงค์ครองราชสมบัติต่อมารัชกาลนี้ จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีบุญญาธิการ ประเทศจะเจริญรุ่งเรือง

ยุคที่ 10 ชื่อว่า ชาวศรีวิไล

มีอรรถาธิบายว่า ประชาชนพลเมืองจะถึงซี่งอารยธรรมอันแท้จริงในยุคนี้ พวกมิจฉาทิษฐิและอธรรมจะเสื่อมสิ้นไปพวกนี้ถ้าไม่ตายด้วยคมหอกคมดาบ ก็จะตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เพราะเป็นยุคของอารยชนที่มีจิตใจเป็นธรรม เท่านั้น ที่จะอาศัยอยู่ในอารยประเทศ ถิ่นสกาวได้ ถ้าผู้ใดไม่มีศีล ไม่มีธรรมผู้นั้นก็เท่ากับฝืนโชค ชะตากรรมของประเทศชาติ จะต้องได้รับโทษถึงตาย โดยทางใด ทางหนึ่ง ดังกล่าวมาแล้ว

ยุคที่ 11 ชื่อว่า ไทยมหารัฐ

มีอรรถาธิบายว่า ประเทศจะเป็นมหาอำนาจในยุคนี้

ยุคที่ 12 ชื่อว่า จักรพรรดิราช

มีอรรถาธิบายว่า พระเจ้าแผ่นดินจะเป็นถึงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ในยุคนี้


ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก

http://specialcasestudy.blogspot.jp/2016/10/12-1.html?m=

www.google.co.th

แชร์