พระเตือนสติสู้โควิด-19! สร้างการตื่นรู้สู้กับการตื่นตระหนก

การมีสติตระหนักรู้ดูแลตัวเอง จึงเป็นการดูแลผู้อื่นในสังคม ทุกอย่างจึงเริ่มต้นจากตัวเรา โดยการเฝ้าระวัง ไม่นำพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่เสี่ยง หรือหากเกิดความผิดปกติก็รีบหาทางป้องกันและรักษาให้ทันต่อสถานการณ์ http://winne.ws/n26954

3.9 พัน ผู้เข้าชม
พระเตือนสติสู้โควิด-19! สร้างการตื่นรู้สู้กับการตื่นตระหนก

         วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2563 พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เตือนสติว่า  ในสถานการณ์ที่โรคระบาดโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดอยู่ในสังคมไทยและทั่วทุกมุมของโลก นอกเหนือจาก "ยานอก" ที่จะทำหน้าที่รักษากายของเราแล้ว "สติ" จึงเป็น "ยาใน" ที่จะหน้าที่คอยคุ้มครองป้องกันกายใจของเราให้สามารถเผชิญหน้ากับโรคร้ายได้อย่างตื่นรู้ โดยไม่ตื่นตระหนกวิตกกังวลมากจนความคิดติดโรคโควิด

        พุทธองค์ทรงย้ำว่า "สติเป็นเครื่องตื่นในโลก"  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรากำลังเผชิญหน้ากับโรคระบาดโควิด 19 (Covid-19)  ตัวสติจะช่วยเตื่อนเราให้ตื่นรู้ และพร้อมจะเผชิญหน้ากับโรคร้ายอย่างรู้เท่าทัน ไม่ตื่นตระหนกตกใจไปกับข่าวสารต่างๆ จนเกิดอาการหมกมุ่นและเคร่งเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

        การตื่นรู้ คือ สภาวะของการไม่ประมาทต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน หากแต่พยายามสร้างการตระหนักรู้ว่าที่ใดควรไป หรือไม่ควรเข้าไปหมกมุ่นหรือคลุกคลี  อีกทั้งจะทำหน้าที่เฝ้าระวังตัวเองมิให้เป็นพาหะนำโรคร้ายไปสู่ครอบครัว และคนอื่นๆ ในสังคมรอบข้าง รวมไปถึงการหมั่นตรวจตราและสังเกตความผิดปกติที่เกิดกับตัวเอง

         แบบอย่างสำคัญของการใช้สติสู้โรคร้ายโควิด-19 คือ "ลิเดีย ศรัณย์รัชต์"  ดารานักแสดงสาวที่ติดเชื้อโควิดพร้อมกับสามี แล้วออกมาเตือนผู้คนทั่วไปว่า "สิ่งที่สำคัญคือต้องตั้งสติให้ดีที่สุด ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ ต้องรับมือและสู้ต่อไป สิ่งที่ยากที่สุดคือการร่ำลาครอบครัวและลูกๆ ต้องให้ลูกๆ ทั้งสองคนอยู่โดยที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ไปอีกไม่รู้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ยังมีคุณยายคุณตาที่ยังอยู่กับเขา หวังว่าเดมี่จะไม่ลืมแม่ หวังว่าดีแลนจะไม่โกรธที่พ่อแม่อยู่ๆ ก็หายไป เดี๋ยวหม่ามี๊กับแดดดี๊จะกลับมานะลูก ห้ามร้องไห้เพราะน้ำตาอาจมีไวรัส" 

          พระมหาหรรษา กล่าวต่อว่า นี่คือแบบอย่างสำคัญของการใช้สติเข้ามาช่วยประคับประคองอารมณ์ ความรู้สึก และจิตของตัวเอง เมื่อเผชิญหน้ากับโรคร้ายที่กำลังคุกคามมนุษยชาติอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่น่าห่วงใยไม่แพ้กันในขณะนี้ กลับเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ติดโรคร้าย แต่กลับติดกับดักอารมณ์ของโรคร้าย เพราะในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกจนขาดการตระหนักรู้ หวาดระแวง วิตกกังวล จิตใจว้าวุ่นอันเป็นผลมาจากการเสพข่าว และกลายเป็นคนป่วยด้วยความคิดโควิด 19  ทั้งที่ยังไม่ติดโรคร้าย

         การมีสติตระหนักรู้ดูแลตัวเอง จึงเป็นการดูแลผู้อื่นในสังคม ทุกอย่างจึงเริ่มต้นจากตัวเรา โดยการเฝ้าระวัง ไม่นำพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่เสี่ยง หรือหากเกิดความผิดปกติก็รีบหาทางป้องกันและรักษาให้ทันต่อสถานการณ์

         สรุปแล้ว ไม่ว่าจะติดโรคร้าย หรือไม่ก็ตาม สติ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเราให้สามารถรู้เท่าทันอารมณ์และความรู้สึก พิจารณาและเฝ้าดูความเป็นไปของโรคที่เกิดกับกายว่ามีอะไรหรือสิ่งใดผิดปกติ  ในขณะเดียวกัน ก็รักษาใจไม่ให้ตระหนก ตื่นกลัว หลังจากนั้น จึงค่อยๆ ใช้ปัญญาคิดหาทางป้องกัน และรักษาอย่างมีสติต่อไป


 ที่มา https://www.banmuang.co.th

แชร์