อธิษฐาน – อุทิศ
..การอธิษฐาน เป็นการสร้างอธิษฐานบารมี ตั้งความปรารถนามุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อตนเอง ส่วนการกรวดน้ำ เป็นอาการแสดงการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น ... http://winne.ws/n26374
คำถาม :
ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหมคะ ?
หลวงพ่อ :
จบ ก็คือ จบ อุทิศ ก็คือ อุทิศ คนละส่วนกัน
จบ คือ การอธิษฐาน โดยยกของหรือถาดใส่ของที่จะถวายพระขึ้นเหนือศีรษะหรือจรดหน้าผาก แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า
“ด้วยอำนาจบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้ ขอให้หมดกิเลสไปพระนิพพาน”
แต่เวลากรวดน้ำ เขาขอว่า
“ทานที่ข้าพเจ้าทำดีแล้วนี้ ขอให้ถึงแก่ญาติคนนั้นๆ”
การอธิษฐาน เป็นการสร้างอธิษฐานบารมี ตั้งความปรารถนามุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อตนเอง ส่วนการกรวดน้ำ เป็นอาการแสดงการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น ถ้าให้แก่คนที่อายุน้อยกว่าเรา ก็เป็นลักษณะของ เมตตาบารมี ถ้าให้กับผู้ที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเรา มีพระคุณแก่เรา นั่นเป็นการแสดงกตัญญูกตเวที
เพราะฉะนั้นการจบอาหารก่อนใส่บาตร กับการกรวดน้ำหลังตักบาตรนี่ต่างกันนะ
การกรวดน้ำนั้นเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่หมู่ญาติ เป็นอุบายวิธีทำให้ใจสงบ เยือกเย็นและกว้างขวาง พร้อมที่จะอุทิศผลบุญให้ผู้อื่นอย่างเต็มที่ คนที่ฝึกสมาธิมาดีแล้ว สามารถเข้าสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเป็นสื่อ เพราะฉะนั้นถ้าหาน้ำไม่ทัน หรือโอกาสไม่อำนวย ทำบุญแล้วก็ควรนึกอุทิศส่วนกุศลทันที ในขณะที่ใจยังปีติอิ่มอยู่ในบุญ
ในทำนองเดียวกัน เมื่อจะตักบาตร ทำทาน ก็ควรจบหรือนึกอธิษฐานบุญ ตั้งผังกำหนดทิศทางการส่งผลของบุญให้ถูกต้องก่อนด้วย
ส่วนที่ถามว่าผู้ที่เราอุทิศให้ด้วยใจ แต่ไม่ได้กรวดน้ำให้ จะได้ส่วนบุญหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้รับเองว่าอยู่ในฐานะที่จะรับได้หรือไม่ ถ้าตกนรกลึกนัก คือทำบาปไว้ก่อนตายมากมาย ก็คงยังรับไม่ได้ ต้องรอไปก่อน การอุทิศด้วยใจ ถ้าอุทิศขณะใจเป็นสมาธิ มั่นคง ผ่องใสเต็มที่ ก็ส่งบุญได้ถึงผู้รับเร็วขึ้น.