ผลต่างของการ อนุโมทนาบุญ-อนุโมทนาบาป

ผลต่างของการ "อนุโมทนาบุญ-อนุโมทนาบาป" มีความแตกต่างกัน http://winne.ws/n26355

2.4 พัน ผู้เข้าชม
ผลต่างของการ อนุโมทนาบุญ-อนุโมทนาบาป

ผลต่างของการอนุโมทนา

          คำถาม

     ผลต่างระหว่างคนที่ชอบอนุโมทนาบุญกับคนที่ชอบอนุโมทนาบาป  จะได้รับผลที่แตกต่างกันอย่างไร ?

 

          หลวงพ่อตอบ :

     ต่างกันมาก สมมุตินาย ก. มีลักษณะนิสัยชอบอนุโมทนาบุญ เวลาเห็นคนเขาทำความดี แกชอบเข้าไปพูดแสดงความชื่นชม ไปอนุโมทนาบุญด้วย เห็นคนกำลังตักบาตร  แกก็ว่า 

     “ สาธุ ...ดีแล้ว  ขออนุโมทนาบุญด้วย “

พอรู้ว่าใครเขารักษาศีล  ก็รีบเข้าไปให้กำลังใจ  เห็นคนไปวัดไปฟังเทศน์  ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าไปหา   “ ดีจังเลย  ว่างๆ ฉันจะไปด้วย “     นาย ก. มีนิสัยอย่างนี้  ชอบทำอย่างนี้เป็นปกติ

        ส่วนนาย ข.  ไม่เป็นอย่างนั้น  เวลาเห็นใครทำความดี  แกทำรู้ไม่ชี้ ทำเฉยเสีย  แต่พอเห็นใครทำบาป  แกกลับไปแสดงอาการชื่นชม

     “ แหม... อย่างนี้ซิถึงจะสะใจ  ใจถึงดีเหลือเกนลูกพี่ “     นี่คือการอนุโมทนาบาป

         นาย ค.  กลับเป็นอีกอย่าง  เวลาเห็นใครทำบุญ  ก็ไม่ว่าอะไร “เอ็งจะทำก็ทำ  ข้าไม่เกี่ยว  ข้าเฉยๆ “ พอเห็นใครทำบาป  “เอ็งจะทำก็ทำ  ข้าไม่เกี่ยว “   วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่นอนกลิ้ง

 

ผลต่างของการ อนุโมทนาบุญ-อนุโมทนาบาป

     สมมุติว่าคน  3 คน เกิดไปทำความผิดเหมือนกันอย่างหนึ่ง เช่น  ไปกางเต็นท์ขายของทับที่คนอื่น  พอรู้ตัวว่าผิด  ก็รีบไปขอโทษ ก็ไปเหมือนๆ กันนี่แหละ แต่ผลออกมาไม่เหมือนกันหรอกนะ

      นาย ก. ซึ่งคุ้นกับการอนุโมทนาบุญ ใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นคนมีนิสัยอย่างไร พอไปทำผิดเข้า แกรีบมายกมือไหว้เลย  “ขอโทษเถอะ  ไม่รู้จริงๆ”

เจ้าของที่เขาก็บอกไม่เป็นไร  ทีหลังระวังหน่อย  อย่าทำอีก ก็จบเรื่องกันไปสำหรับนาย ก.

     ส่วนนาย ค. เมื่อทำผิดก็ไปขอโทษ  “แหม...ผมไม่รู้จริงๆถึงได้ไปทำผิดเข้า”

เจ้าของที่หันมาจ้องตา  “ไม่รู้หรือแกล้ง ?”  เสียงชักจะเอาเรื่องเหมือนกัน  แต่เรื่องก็จบแค่นั้น

     พอถึงคราว นาย ข.  นักอนุโมทนาบาป  พอรู้ตัวว่าผิด  ก็ไปขอโทษ “ผมไม่รู้จริงๆ เลย ลูกพี่” พูดไม่ทันขาดคำ  เขาตวาดใส่ทันที   “หนอยแน่ะ  ไอ้ตัวดี” 

ตวาดไม่ตวาดเปล่า  แถมกำปั้นยันเปรี้ยงเข้าให้  เพราะความที่นาย ข. อนุโมทนาบาปไว้มาก  ผลมันจึงออกมาในรูปนี้  นี่เป็นส่วนหยาบๆ ที่เห็นเป็นรูปธรรม

     ถ้าเป็นส่วนละเอียด  กล่าวถึงสภาพของใจ  ก็อธิบายว่า ถ้าใจของเราแต่เดิมใสเหมือนพลาสติก ทันทีที่อนุโมทนาบุญ ใจจะใสขึ้น ใสเหมือนกระจกเลย ถ้าเดิมใจใสเหมือนกระจก พออนุโมทนาบุญเสร็จ ใจจะยิ่งใสขึ้น ใสเป็นเพชรเลยทีเดียว

     ตรงกันข้าม ถ้าอนุโมทนาบาป จากเดิมที่ใจใสเหมือนพลาสติก พอไปอนุโมทนาบาปเข้า  “เออ...ดี  สมน้ำหน้ามัน”  คิดเสร็จ ใจก็ขุ่น หมองคล้ำลงไปทันทีเลย จากเดิมเป็นพลาสติก  ก็กลายเป็นพลาสติกเก่าๆ  ที่อยู่ในกองขยะ  นึกออกไหม ถ้าเดิมใจใสเป็นเพชร พออนุโมทนาบาปปั๊บ ใจก็ขุ่นหมอง คร่ำคร่าเหมือนกับพลาสติกที่เขาโละทิ้ง

     เพราะฉะนั้นการอนุโมทนาบาปไม่ดี  อย่าทำ ถ้าอนุโมทนาบุญละก็ดี ทำไปเลยลูกเอ๊ย

     ถ้าเราเป็นคนที่ชอบอนุโมทนาบุญ  เราจะได้อานิสงส์ติดตัวทันที  คือ ถึงคราวจะทำความดีอะไรก็ตาม ทันทีที่ประกาศตูมออกไปว่าจะทำโน่นทำนี่ จะมีคนเชียร์ลั่นเลย

     ทีนี้ถ้าเราชอบอนุโมทนาบาป  ผลที่จะตามติดตัว  คือถึงคราวเราจะทำความดีเรื่องอะไร  มักจะมีคนขัดขวางเรื่อยไป  แต่พอเริ่มจะทำความชั่ว  คนชั่วมันรีบเชียร์ส่ง  “เอาเลยลูกพี่”     พอได้ลูกยุเข้าหน่อย  คราวนี้แหละได้เป็นไอ้ชั่วหัวดำดินเลยละ  เพราะไม่มีใครห้าม  ไม่มีใครขัดขวางแล้ว.


 ..............

ที่มา : หลวงพ่อตอบปัญหา 

แชร์