“สติและสมาธิ”

     คนเร่ร่อนท่าทางเซ่อๆซ่าๆ หากินอยู่ในตลาด ผู้คนแถวนั้นมักชอบแหย่เขาเล่น มีวิธีการต่างๆมาแกล้งเขาตลอดเวลา

     วิธีการหนึ่งที่มักเป็นที่นิยมของผู้คน พวกเขาจะนำเอาเหรียญห้าและเหรียญสิบไว้บนฝ่ามือ แล้วให้เขาเลือก ทุกๆครั้งเขาจะหยิบเอาเหรียญห้าไป ผู้คนจะรู้สึกว่าเขาช่างโง่เขลาเบาปัญญาจริงๆ ระหว่างเหรียญห้ากับเหรียญสิบยังเลือกไม่ถูก ก็จะพากันหัวเราะเป็นที่ครื้นเครงกัน เล่นกันได้ทุกวี่ทุกวัน

    คนแก่จิตใจดีรู้สึกสงสารเขา จึงถามเขาว่า "เจ้าแยกไม่ออกจริงๆเหรอ ระหว่างเหรียญห้ากับเหรียญสิบ อันไหนมีค่ากว่ากัน" คนเร่ร่อนยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะตอบคนแก่ว่า "ถ้าหยิบเหรียญสิบ คราวต่อไปคงไม่มีใครเล่นเกมนี้กับเราอีกแล้ว"

          คนที่ชอบอวดว่าตนฉลาด
          คงไม่ฉลาดอย่างที่เขาคิด
          ส่วนคนที่ชอบถ่อมตัวว่าตนไม่ฉลาด
          มักจะไม่ใช่คนโง่อย่างที่เขาแสดงออก
          รู้จักวางตัวอย่างมีสติ 
          คือสิ่งที่คนฉลาดเขาทำกัน

*************

     อาจารย์หมอกำลังสอนนักศึกษาแพทย์ "การจะเป็นหมอที่เก่งนั้น ต้องมีคุณสมบัติพิเศษอยู่สองอย่าง ข้อแรกคือไม่รังเกียจความขยะแขยง และอีกข้อคือต้องรู้จักสังเกตให้รอบคอบ"

     เมื่อกล่าวเสร็จ อาจารย์หมอก็ใช้นิ้วจิ้มลงไปในรูทวารของศพที่อยู่ตรงข้างหน้า เมื่อดึงนิ้วออกแล้วก็เอานิ้วแหย่เข้าไปในปากตัวเองทันที

     นักศึกษาทุกคนรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างมาก แต่ทุกคนก็ต้องทำตาม เพราะนี่คือบทเรียนที่อาจารย์หมอกำลังทดสอบพวกเขาอยู่ เมื่อไม่มีทางเลี่ยง ทุกคนจึงต้องทำตามอาจารย์

     พอทุกคนทำจนครบ อาจารย์ยิ้มก่อนจะพูดว่า "ข้อแรกนั้นผ่านทุกคน พวกคุณไม่รังเกียจความขยะแขยง แต่ข้อที่สองนั้น ต้องรู้จักการสังเกตสังกาให้ละเอียด ข้อนี้ไม่มีใครผ่าน พวกคุณไม่ได้สังเกตเลยว่า นิ้วที่อาจารย์เอาเข้าปากตัวเองนั้น กับนิ้วที่แหย่เข้าไปในรูทวาร มันเป็นคนละนิ้วกัน"

     ความล้มเหลวของคน อาจจะไม่ได้มาจากการไร้ความสามารถ แต่อาจเป็นเพราะสมาธิไม่พอ

**********

ไม่ว่าคุณเป็นใคร ระดับไอคิวจะสูงหรือต่ำแค่ไหนก็ตาม เวลาจะทำอะไร สติและสมาธิต้องเตรียมให้พร้อม จงเตือนตัวเราเองไว้เสมอ เพราะเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราในวินาทีข้างหน้านี้ สติและสมาธิจะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้อย่างไม่ผิดพลาด

"ขจรศักดิ์" 
แปลและเรียบเรียง