ถึงร้ายก็รัก
เมื่อได้รักเข้าไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะทำให้หลงผิด คิดผิด และทำผิดตามมาก็มิได้คำนึงอะไร http://winne.ws/n25743
อันว่าความรักนั้นท่านว่าห้ามกันได้ยากและไม่มีเหตุผลอะไรจะมาห้ามมิให้รักได้ เมื่อได้รักเข้าไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะทำให้หลงผิด คิดผิด และทำผิดตามมาก็มิได้คำนึงอะไร และแม้ว่าคนที่ตนไปปักใจรักนั้นจะมีจุดด่างจุดด้อยที่คนอื่นมองเห็น ก็จะมองข้ามหรือเห็นไม่สำคัญ บางครั้งกลับเป็นจุดด่างจุดด้อยนั้นว่าเป็นจุดดีจุดเด่นเป็นเสน่ห์ไปก็มี เพราะฉะนั้น จึงทำให้พูดกันว่า “ความรักทำให้ตาบอด”
ด้วยเหตุนี้ คนที่รู้จักทั่วไปว่าร้าย ประพฤติเสียหาย กินเหล้าเมาหยำเป ไม่ทำการงานอะไร หรือเป็นคนไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ก็ยังมีคนรักยังมีคนชอบ ยอมคบหา ยอมล่มหัวจมท้ายด้วย จะว่าคนที่ยอมไปรักไปชอบนั้นเป็นคนโง่ เป็นคนไม่ทันคน หรือเป็นคนเสียสติ ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะคนที่ฉลาด ทันคน และสติดี ทั้งมีความรู้ มีทรัพย์เสียด้วยซ้ำไป ก็ยอมรับความร้ายอย่างนั้น เข้าทำนองถึงร้ายก็รัก และยอมอยู่กินด้วย หรือยอมเป็นพวกเป็นลูกน้อง ให้เคารพนับถือและยกย่องเลิศเลอก็มี
อันที่จริง คนเช่นนั้นอาจมีข้อดีข้อเด่นเป็นเสน่ห์แฝงอยู่ในตัวที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่คนที่มองเห็นมี เมื่อมองเห็นแล้วก็กลายเป็นแรงดึงดูดให้รักให้ชอบได้ คนที่เห็นและยอมรับได้จัดว่าเป็นคนพิเศษแท้ ที่สามารถมองเห็นหรือเข้าถึงข้อดีข้อเด่นอันนั้นได้ จึงทำให้คนที่ถูกเหยียดถูกกล่าวหาอย่างนั้นไม่โดดเดี่ยววังเวง ไม่หัวเดียวกระเทียมลีบ มีพรรคมีพวกทั่วไป คนที่นับถือกันว่าเป็นคนดีเสียอีก บางดีก็ดูเงียบเหงา โดดเดี่ยว ไร้พวกพ้อง
แม้ในฝ่ายพระสงฆ์ก็มี พระสงฆ์ส่วนหนึ่งประพฤติย่อหย่อน ขาดระเบียบวินัย ปฏิบัติตนไม่น่าดูไม่น่าศรัทธา ผู้คนส่วนหนึ่งเอือมระอา แต่ก็ยังมีผู้คนอีกส่วนหนึ่งเคารพศรัทธา ให้ความอุปถัมภ์บำรุง จึงทำให้พระสงฆ์แบบนั้นยังดำรงเพศอยู่ได้ บางครั้งอยู่ได้อย่างสุขสบายกว่าพระสงฆ์ผู้เคร่งพระวินัยเสียด้วยซ้ำ
ก็เข้าทำนองถึงร้ายก็รักเหมือนกัน
เรื่องเช่นนี้แม้ในสมัยพระพุทธกาลก็มี เป็นเรื่องที่แสดงถึงวาสนาบารมีของพระสารีบุตรผู้เป็นถึงอัครสาวกฝ่ายขวา คือเป็นมือขวาของพระพุทธเจ้า เป็นผู้มีปัญญามาก ได้รับยกย่องทั่วไป ก็ยังแพ้บารมีของพระเทวทัต ซึ่งรู้กันทั่วไปว่าเป็นพระประพฤตินอกพระธรรมวินัย ทำตนเป็นศัตรูของพระพุทธเจ้าจนกระทั่งถูกแผ่นดินสูบไปตกนรกอเวจี
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องอันเหลือเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นจริงและได้ถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานในคัมภีร์ให้รู้และจดจำกันมาถึงปัจจุบัน
จากหนังสือ อันเหลือเชื่อ
โดย : พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี)