บางคนพอดูกระจกเงา  ก็แอบกระหยิ่มยิ้มย่องภูมิใจเป็นหนักหนา   แล้วนึกในใจว่า “ฉันเอง  ก็ไม่เบานะเนี่ย”  แม้จะออกจากห้องนั้นมา  ก็แอบเหลียวมองอีกครั้งหนึ่ง  ด้วยสายตาอันประทับใจ  แต่บางคราวพอดูกระจกเงากลับตกตะลึงรู้สึกแปลกใจ  เพราะภาพที่เห็นกลับไม่เหมือนวันวาน  แล้วนึกในใจว่า “ทำไมที่นี่ไม่รู้จักเอากระจกดี ๆ มาติดนะ…แย่จังเลย” แล้วหันหลังควับ  เดินดุ่ย ๆ ออกไปไม่หันมาดูอีกเลย

        คนส่วนมากคิดว่า การดูกระจกเงาเป็นการดูตัวเองที่แท้จริงเรากำลังดูเงา  ดูตัวแทน ซึ่งสะท้อนเป็นภาพบนแผ่นกระจกเงาต่างหาก แต่ที่สำคัญนั่นเป็นเงา ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง  ซึ่งเงาของเรายังมีอีก 4 อย่างคือเงาแห่งหน้าที่  เงาแห่งผลงาน  เงาแห่งผลงาน เงาแห่งคำพูด  และเงาแห่งความดี

        เงาแห่งหน้าที่ หมายถึง ให้สำรวจว่าเรามีหน้าที่อะไรบ้าง ต่อพ่อ แต่แม่ ต่อพี่น้อง ต่อศิษย์ต่ออาจารย์เราได้ทำหน้าที่ ซึ่งเปรียบเสมือนกับฝากเงา ฝากตัวแทนฝากภาพพจน์ ของเราให้กับพวกเขาเหล่านั้นอย่างสมบูรณ์แล้วหรือยัง

          เงาอีก 3 อย่างก็เช่นเดียวกัน  เราได้ฝากผลงานของเรา  คำพูดของเรา ความดีของเรา ซึ่งเปรียบเทียบกับ เงาแห่งผลงาน  เงาแห่งคำพูด  เงาแห่งความดี ที่เป็นตัวแทนของเรา ภาพพจน์ของเราไว้กับทุก ๆ คนดีแล้วหรือยัง เพราะทั้งหน้าที่ ผลงาน คำพูด และความดีของเรา  จะอยู่ในใจของคนที่สัมผัสคนที่เกี่ยวข้องตลอดเวลา ภาพพจน์หรือเงาของเราจึงอยู่ในใจของเขาตลอดเวลาเช่นกัน

        เราถึงควรฝากเงาของเราให้กับคนทุกคน  ให้เป็นเงาที่น่าประทับใจ  แม้ตัวจะละโลก แต่เงาของเราก็ยังคงอยู่ในใจของทุกคนในโลก อย่างมิรู้ลืม  ชั่วนิจนิรันดร์

        ดูกระจกเงาครั้งต่อไป อย่าลืมดูเงาอีก 4 เงา

ขอบคุณธรรมะจากเว็บ กัลยาณมิตร