ปัดใจ(ให้ใส) ตอน ชาวนากับลาแก่
ในชีวิตของเรา ยามพบเจอกับอุปสรรคหากเรารู้จักใช้สติพิจารณาแก้ไขปัญหาต่างๆได้ สิ่งนี้ก็จะสามารถเปลี่ยนจากวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ไม่ยาก http://winne.ws/n25119
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... มีชาวนาคนหนึ่งเลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว วันหนึ่งชาวนาได้พาเจ้าลาแก่ออกไปข้างนอก ด้วยความซุ่มซ่ามของมัน มันจึงเดินตกลงไปในบ่อน้ำซึ่งแห้งขอดมาเป็นเวลานาน มันร้องครวญครางอยู่เป็นเวลานาน ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญคิดหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมาให้ได้
แต่แล้วในที่สุด ชาวนาก็หวนคิดขึ้นมาได้ว่า... เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้ว อีกอย่างหนึ่ง บ่อนี้ก็แห้งขอด ไม่มีน้ำมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างไรเสียก็จะต้องกลบบ่ออยู่ดี ไม่คุ้มเลยที่จะช่วยเจ้าลา
ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้านเพื่อมาช่วยกลบบ่อ ทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ ครั้นเมื่อดินไปถูกหลังลาเข้า มันก็ตกใจและรู้ชะตากรรมของตนทันทีจึงร้องโหยหวนขึ้นมาอย่างน่าสงสาร สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เสียงของเจ้าลาแก่เงียบไป
หลังจากที่ชาวนาและชาวบ้านช่วยกันตักดินใส่ไปในบ่อได้สักสองสามพลั่ว พวกเขาก็เหลือบมองลงไปในบ่อ และก็ต้องประหลาดใจไปตามๆ กัน เพราะทุกครั้งที่ทุกคนสาดดินไปถูกหลังลา มันจะสะบัดดินออกจากหลัง แล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น
ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นมาจากก้นบ่อได้เร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ในไม่ช้าทุก คนก็ต่างประหลาดใจที่เจ้าลาแก่สามารถโผล่พ้นขึ้นมาจากปากบ่อดังกล่าวได้สำเร็จในที่สุด
จากนิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ยามเมื่อชีวิตเราต้องพบเจอกับอุปสรรค ให้เรามีสติ ในการพิจารณาปัญหาต่างๆ แก้ไขปัญหาต่างๆ สติจะทำให้เรามองเห็นปัญหานั้นได้อย่างชัดเจน และเห็นแนวทางในการแก้ไขได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ ซึ่งสามารถเปลี่ยนจากวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ไม่ยาก ดังคำกล่าวที่ว่า "สติมา ปัญหาเกิด" นั่นเอง
ขอขอบคุณเรื่องสั้นดีๆจาก เว็บกัลยาณมิตร