อานิสงส์ความอัศจรรย์และที่มาของคำว่า"สาธุ"
อานิสงส์แห่งการฟังพระสัทธรรมได้ส่งผลให้ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และด้วยอานิสงส์แห่งการเปล่งวาจาสาธุการว่า สาธุ สาธุ สาธุ เพียงเท่านี้ จึงได้ส่งผลให้ท่านมีกลิ่นปากหอมดังดอกอุบล เป็นดังนี้มานับภพนับชาติไม่ถ้วนทีเดียว" http://winne.ws/n24838
สาธุ คืออะไร...ทำไมต้องสาธุ สาธุ สาธุุ
นับเป็นความโชคดีอย่างมหาศาล
ของเราชาวพุทธอย่างแท้จริง..
คำว่า สาธุ นี้ หามีในศาสนาอื่นไม่..
คำๆ นี้ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนาบังเกิดขึ้น
คำนี้คงไม่บังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน..
วันนี้จึงอยากนำเหตุที่มาของคำนี้
มามอบให้เป็นธรรมบรรณาการ
ให้แก่กัลยาณมิตรที่รักทุกท่าน
@..ความเป็นมาของคำว่า "สาธุ"..@
มีเรื่องเกิดขึ้นในสมัยพุทธกาลว่า ชายคนหนึ่ง อยู่ในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ได้ฟังพระแสดงธรรมเทศนาแล้วเห็นโทษในการครองเรือนมีความปรารถนาจะขอบวชเพื่อ แสวงหาความสงบในสมณธรรม จึงลาจากภรรยาไปบวช ได้ตั้งใจพากเพียรในสมณธรรมตามที่ปรารถนาไว้ตลอดมา
ต่อมาพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงพบหญิงผู้เป็นภรรยาของชายคนนั้น และเมื่อทรงได้ทราบเหตุความเป็นมาทั้งหมดจึงเกิดสมเพชในนางผู้เป็นภรรยา รับสั่งให้นำหญิงนั้นมาเลี้ยงไว้ในพระราชวัง ตั้งเป็นท้าวนางกำนัล
อยู่มาวันหนึ่ง ราชบุรุษนำดอกนิลุบลบัวเขียวมาถวายพระเจ้าปเสนทิโกศลกำมือหนึ่ง พระองค์จึงประทานแก่ท้าวนางคนละดอก
ฝ่ายสตรีที่เป็นภรรยาของชายที่ไปบวชนั้น เมื่อไปรับพระราชทานก็ยิ้มแสดงความยินดีดุจนางอื่นๆ แต่พอดมกลิ่นนิลุบลแล้ว นางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จึงร้องไห้
พระเจ้าปเสนทิโกศลสงสัยพระทัย จึงตรัสถามว่า เหตุใดนางจึงยิ้ม แล้วร้องไห้
นางจึงกราบทูลว่า ที่นางยิ้มเพราะดีใจที่ทรงพระกรุณาประทานดอกบัวให้ แต่พอดมดอกบัวแล้วหอมเหมือนกลิ่นปากของสามีที่ไปบวช นางคิดถึงความหลังจึงร้องไห้
พระเจ้าปเสนทิโกศลต้องการ พิสูจน์วาจาของนาง จึงโปรดให้ประดับวังด้วยของหอมทั้งปวง เว้นแต่บัวนิลุบล แล้วอาราธนาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า และเหล่าภิกษุสงฆ์ให้มาฉันภัตตาหารในพระราชวัง แล้วมีพระราชดำรัสถามหญิงนั้นว่า พระมหาเถระองค์ไหนที่นางอ้างว่าเป็นอดีตสามี หญิงนั้นก็ชี้ไปที่พระมหาเถระ
เมื่อเสร็จภัตตกิจแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลอารธนาให้พระพุทธเจ้า และภิกษุองค์อื่นๆ กลับวัดไปก่อน เว้นพระมหาเถระขอให้อยู่เพื่อกล่าวอนุโมชทนากถา เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จกลับไปแล้ว
พระมหาเถระจึงกล่าวสัมโมทนียกถา อนุโมทนาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะและมีกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งออกจากปากพระเถระรูปนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ กลบเสียซึ่งกลิ่นดอกไม้ของหอมทั้งปวง กลิ่นปากของพระมหาเถระหอมฟุ้งไปทั่วพระราชวัง ดังกลิ่นการบูรและพิมเสนผสมกฤษณา หอมยิ่งกว่าดอกบัวนิลุบล
ปรากฏการณ์นี้ปรากฏแก่ชนทั้งหลายในพระราชวัง ส่วนองค์มหากษัตริย์เมื่อเห็นจริงดังหญิงนั้นกราบทูล ก็ทรงโสมนัสน้อมนมัสการ ฝ่ายพระมหาเถระเสร็จสิ้นการอนุโมทนาแล้ว ก็กลับไปสู่วิหาร
ครั้นพอรุ่งเช้าพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงเสด็จไปสู่พระ วิหาร ถวายนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลถามว่า
"เหตุใดปากของพระมหาเถระ
จึงหอมดังดอกอุบลเช่นนั้น
ท่านได้สร้างกุศลใดมา"
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า "เพราะบุพชาติปางก่อน ภิกษุรูปนี้ได้ไปฟังพระสัทธรรมไพเราะจับใจ เต็มตื้นด้วยปีติยินดี จึงได้เปล่งวาจาว่า "สาธุ สาธุ สาธุ" เท่านั้น
อานิสงส์แห่งการฟังพระสัทธรรมได้ส่งผลให้ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และด้วยอานิสงส์แห่งการเปล่งวาจาสาธุการว่า สาธุ สาธุ สาธุ เพียงเท่านี้ จึงได้ส่งผลให้ท่านมีกลิ่นปากหอมดังดอกอุบล เป็นดังนี้มานับภพนับชาติไม่ถ้วนทีเดียว"
น่าอัศจรรย์จริงหนอ..เห็นไหมละ มิธรรมดาเลย การเปล่งสาธุการ สาธุ สาธุ สาธุ เท่านั้นแหละ ด้วยจิตเลื่อมใส ด้วยจิตอนุโมทนาในกุศลผลบุญทั้งหลาย ย่อมมีอานิสงส์มิใช่น้อยเลย..
และผลดีอีกประการหนึ่ง ของการกล่าวสาธุการนี้ ย่อมทำให้ปิดกั้นกระแสบาปเสียได้ คืออกุศลจิต ที่คิดริษยาในการทำความดีของผู้อื่นย่อมไม่ปรากฏ ไม่เกิดขึ้นแก่ผู้ที่กล่าวสาธุการอยู่เป็นนิตย์ จิตของเขาย่อมผ่องใส เป็นทางมาแห่งบุญกุศล และย่อมเข้าถึงกระแสแห่งธรรมได้โดยง่าย บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยง่ายทีเดียว
คำกล่าวสาธุ เป็นคำกล่าวง่าย ๆ ทำได้ทุกคน ทุกที่ ทุกเวลาในสถานที่ที่ทำความดีหรือเห็นใครทำความดี เป็นคำมงคลที่นำแต่สิ่งดีงามให้เกิดกับจิตใจตนเอง
ดังนั้นมากล่าวคำว่าสาธุ ให้เป็นคำที่อยู่ในใจและเป็นคำติดปากกันเถอะค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ
สาธุ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ
ขอบคุณเนื้อหาจาก โสตัพพมาลินีปกรณ์ คัมภีร์เก่าแก่ของลังกา
ขอบคุณเพจชาวพุทธ