พุทธ-คริสต์ สอนต่างกันมั๊ย?
ศาสนานับเป็นตัวเลือกหนึ่งให้แก่ผู้แสวงหาความสุข เนื่องจากมีหลักให้ยึดปฏิบัติได้ และเห็นผลได้ บางคนเปลี่ยนศาสนาไปเรื่อยๆ แสวงหากันไปจนกว่าจะได้พบเจอในสิ่งที่ตนเองคิดว่าใช่ http://winne.ws/n24284
มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนต้องการความมั่นคง ความอุ่นใจ ความยุติธรรม ความถูกต้อง ที่สำคัญต้องการความสุข จึงแสวงหาทุกวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่คาดหวัง ตั้งแต่แรกเกิดแสวงหากันไปจนกว่าจะได้พบเจอในสิ่งที่ตนเองคิดว่าใช่ แล้วจึงมุ่งตรงสู่สิ่งที่ตนมุ่งหมายนั้น ๆ ศาสนานับว่าเป็นตัวเลือกหนึ่ง เนื่องจากมีหลักให้ยึดถือได้ หรือเป็นแนวทางให้ปฏิบัติได้และเห็นผลได้ บางคนเปลี่ยนศาสนาไปเรื่อย ๆ เพราะคิดว่ายังไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเหล่านี้ก็สามารถเปลี่ยนศาสนาโดยไม่ต้องเปลี่ยนตนเองมากนัก เพราะหลักที่ยึดหรือหลักปฏิบัติของศาสนาต่างๆ นั้น ก็ล้วนต้องการให้มนุษย์ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข
ข้อมูลเปรียบเทียบกฎข้อห้ามทางศาสนาระหว่างพุทธศาสนา และคริสต์โปรเตสแตนด์หรือคริสเตียน โดยยึดหลักศีล 5 ซึ่งเป็นข้อห้าม
ทั้งนี้ สามารถทบทวน ศีล 5 ได้ (ตามลิ้งค์) ในที่นี้จึงขอเสนอข้อมูลเนื้อหาซึ่งปรากฏอยู่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ดังต่อไปนี้
1. อย่าฆ่าคน
“ผู้ใดฆ่ามนุษย์ให้โลหิตไหล มนุษย์จะฆ่าผู้นั้นให้โลหิตไหลเหมือนกัน เพราะพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์”
“ผู้ที่ฆ่าคนตาย จะต้องถูกโทษถึงตาย”
“ผู้ที่ฆ่าสัตว์ของเขาจะต้องชดใช้ชีวิตแทนชีวิต”
“กระดูกหักแทนกระดูกหัก ตาแทนตา ฟันแทนฟัน เขากระทำให้เสียโฉมอย่างไรเขาก็ต้องถูกทำให้เสียโฉมอย่างนั้น”
“… ถ้าผู้ใดฆ่าคนผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ”
2. อย่าลักทรัพย์
“เจ้าอย่าลักทรัพย์ หรือโกง หรือมุสาต่อกัน”
3. อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา
“ถ้าผู้ใดร่วมประเวณีกับภรรยา…ของเพื่อนบ้านให้ขว้างผู้ร่วมประเวณีทั้งชายและหญิงนั้นเสียให้ตาย”
“ชายใดเข้านอนกับผู้ชายกระทำอย่างกับผู้หญิงทั้งสองคนกระทำผิดในสิ่งอันพึงรังเกียจให้ขว้างทั้งสองคนนั้นเสียให้ตายที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ”
“ถ้าชายใดสมสู่กับสัตว์เดียรัจฉานให้ขว้างชายคนนั้นเสียให้ตายและเจ้าจงขว้างสัตว์เดียรัจฉานนั้นเสียให้ตาย”
“ถ้าชายใดเอาภรรยาของพี่ชายหรือน้องชายไปเป็นเรื่องมลทินเขาได้เปิดของลับของพี่ชายหรือน้องชายเขาจะต้องไม่มีบุตร”
4. อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน
“มีหกสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงเกลียดมีเจ็ดซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์ ตา ยโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว พยานเท็จซึ่งหายใจออกมาเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง"
“…. ถ้าผู้ใดจะพูดกับพี่น้องว่า “อ้ายโง่” ผู้นั้นต้องถูกนำไปที่ศาลสูงให้พิพากษาลงโทษและผู้ใดจะว่า “อ้ายบ้า”ผู้นั้นจะมีโทษถึงไฟนรก”
5. อย่าดื่มจนเมามาย
“เหล้าองุ่นให้เกิดการเยาะเย้ยและสุราก็ให้เกิดเป็นพาลเกเร ผู้ใดยอมให้มันพาเจิ่นไปก็ไม่เป็นคนฉลาด”
“พระบัญญัติกล่าวว่าอย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าฆ่าคนอย่าลักทรัพย์ อย่าโลภ ทั้งพระบัญญัติอื่น ๆ ก็รวมอยู่ในข้อนี้คือท่านจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเองความรักไม่ทำอันตรายเพื่อนบ้านเลย เหตุฉะนั้นความรักจึงเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน”
จะสังเกตได้ว่าหลักความเชื่อหรือคำสอนของคริสเตียนโดยรวมก็ค่อนข้างครอบคลุมและเหมือนกับศีล 5 ของชาวพุทธอาจมีแตกต่างบ้างก็คือการที่ไม่เน้นการห้ามดื่ม เพราะดื่มได้แต่ห้ามเมามายเป็นการไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่ถึงกับห้าม แต่ที่น่าสนใจมากคือมีบทสรุปของพระบัญญัติให้รักกัน “…ให้รักผู้อื่นเหมือนรักตัวเอง” เนื่องจากคำว่า “รัก” นั้น ชัดเจนกว่าคำว่า “เมตตาและกรุณา” จริงอยู่เราต้องการให้ผู้อื่นมีความสุขและพ้นทุกข์ แต่ก็ไม่ถึงขั้นปฏิบัติด้วยความรัก ระดับความเข้มข้นยังคงให้ความรู้สึกว่าน้อยกว่าคำว่า “รัก” เพราะรักจึงมีแต่สิ่งดี ๆ มอบให้แก่กันและกัน
ทางพุทธเน้นว่า “ห้ามดื่มสุราเมรัยและของมึนเมา” เพราะถ้าหากเผลอดื่มแม้ไม่เมามายแต่สติหรือความพร้อมก็คงด้อยลงกว่าปกติแน่นอน จุดนี้ก็เป็นจุดแข็งของชาวพุทธเพราะถ้ารักแต่รักแบบพร่องในสติไปบ้าง ไม่ถึงกับไร้สติในความรู้สึกก็เหมือนกับว่ารักแต่ก็ไม่เต็มร้อยเหมือนกัน หรือถ้าอ้างว่าเราดื่มได้ แต่ไม่ดื่มจนเมามาย แต่ใครจะรับประกันได้ เพราะขีดจำกัดความเมาของคนเราไม่เท่ากัน ดื่มพร้อมกันคนหนึ่งเมาแล้วแต่อีกคนหนึ่งยังไม่เมาเลย ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือไม่ดื่มน่าจะปลอดภัยกว่า เพื่อความไม่ประมาท
ส่วนความคิดเห็นเรื่องกฎแห่งกรรม หรือ ทำสิ่งใดไว้ต้องได้รับสิ่งนั้นกลับคืน ทางด้านศริสต์เตียนค่อนข้างเคร่ง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ลงดาบเอาจริงเอาจัง แต่ทางด้านพุทธมักจะให้อภัยเสมอ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่การให้อภัยก็กลับกลายเป็นความหละหลวม จึงไม่เกรงกลัว เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ให้อภัย
ต่างฝ่ายต่างมีจุดเด่นจุดแข็งแตกต่างกันไป แต่โดยรวมก็กลมกลืนแทบไม่แตกต่างเพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ในดีมีเสีย ในเสียมีดีทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม โดยรวมกฎข้อห้ามของแต่ละศาสนามีไว้เพื่อเป็นการเตือนสติ เตือนใจ เตือนให้ผู้คนอยู่ในร่องในรอยที่ถูกที่ควร เตือนให้รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราไม่อยากได้ของของผู้อื่น ไม่โลภ ให้มีความซื่อสัตย์ ยุติธรรม เตือนให้หยุดคิด ได้คิด และไม่ด่วนตัดสินผู้อื่น เตือนว่าผู้ใดทำกรรมใดไว้ผู้นั้นย่อมได้รับผลกรรมนั้นเช่นกันทำกรรมดีก็ได้รับผลดีทำกรรมไม่ดีก็ได้รับโทษหรือผลไม่ดีนั่นเอง เตือนให้มีจิตใจดีงามต่อกัน พูดดีต่อกันและปฏิบัติดี ๆ ต่อกันอยู่เสมอรู้จักเกรงใจ อ่อนโยน สุภาพให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีใจให้กัน รักกันซึ่งล้วนเป็นเหตุเป็นผลในตัวของมันเอง และถ้าหากคนเราสามารถปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบตามกฎข้อห้ามได้โดยครบถ้วนก็จะทำให้คนเราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขแน่นอน
ขอขอบคุณ : na_diary