อานุภาพ การแผ่เมตตา 1
การสวดมนต์เป็นการแผ่เมตตาอย่างหนึ่ง การสวดมนต์ด้วยจิตที่เป็นสมาธิ ทำให้จิตมีกำลัง เมื่อสวดบ่อยๆ จิตใจจะเข้มแข็ง โดยเฉพาะบทพุทธบารมี(บทพาหุงฯ) ยิ่งผู้สวดมีสมาธิจิตที่ดีแล้ว พลังหรือกระแสแห่งความเมตตาจะแผ่กระจายไปได้ไกลและมีพลังมากขึ้น http://winne.ws/n23877
การสวดมนต์เป็นการแผ่เมตตาอย่างหนึ่ง การสวดมนต์ด้วยจิตที่เป็นสมาธิทำให้จิตมีกำลัง เมื่อสวดบ่อยๆจิตใจจะเข้มแข็ง โดยเฉพาะบทพุทธบารมี(บทพาหุงฯ)ยิ่งผู้สวดมีสมาธิจิตที่ดีแล้ว พลังหรือกระแสแห่งความเมตตาจะแผ่กระจายไปได้ไกลและมีพลังมากขึ้น
แม้ในสมัยปัจจุบัน ทางวิทยาศาสตร์จะสามารถพิสูจน์ผลของการสวดมนต์และทำสมาธิที่มีผลต่อระดับเซลล์ในร่างกายได้ และทางการแพทย์ได้มีการนำเอาหลักธรรมะไปใช้ในการบำบัดและรักษาผู้ป่วยแล้วก็ตามแต่นั่นก็ยังเป็นการพิสูจน์ในลักษณะรูปธรรมคือ ผลที่เกิดขึ้นสามารถมองเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงภายนอกหรือทางกายภาพในด้านของสุขภาพกายที่ดีขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากสุขภาพใจที่ดี แต่สำหรับผลที่ได้รับในด้านนามธรรมแล้ว
การสวดมนต์และทำสมาธินั้นมีอานุภาพมากมายโดยที่การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายได้อย่างชัดเจน คือ
1.อานิสงส์ที่เกิดกับสุขภาพร่างกาย
ผู้ที่สวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิเป็นประจำจิตใจจะมีความผ่องใส จึงทำให้เป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่เครียด การมีจิตใจผ่องใสจึงเป็นเหมือนยาอายุวัฒนะที่ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนในร่างกายทำให้ร่างกายสมดุล ดังจะเห็นได้ว่าพระสงฆ์ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นสรณะ จะมีอายุยืนบางองค์เกินร้อยปีก็มี
2.อานิสงส์ทำให้เกิดจิตที่แกร่ง
การสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิเป็นประจำจะทำให้จิตมีกำลังคือจิตใจจะเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวง่าย มีสติและมีความหนักแน่นที่สำคัญคือจะก่อให้เกิดปัญญาตามมา คือ การคิดที่มีสติคอยกำกับ โดยไม่มีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเจือปน
คนสมัยปัจจุบันที่ไม่ค่อยชอบนั่งสมาธิจึงทำให้สติไม่มั่นคง ส่งผลให้เป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้หงุดหงิด โกรธง่าย โมโหร้าย ไม่อดทนต่อแรงกดดันทั้งปวง อารมณ์แปรปรวนไม่สม่ำเสมอ เหตุเพราะจิตมีอ่อนกำลัง ด้วยเหตุนี้จึงพบสถิติการฆ่าตัวตายของคนสมัยนี้มีอัตราสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้การทำสมาธิไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์หรือนั่งสมาธิย่อมเป็นเสมือนอาหารสำคัญที่ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงจิตใจ
3.ได้อานิสงส์จากโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย
นอกจากดวงจิตวิญญาณแล้วยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ปรารถนาจะได้รับกระแสแห่งเมตตา หรือบุญจากการสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิเช่นกัน ซึ่งก็คือพวกสัตว์เล็ก สัตว์น้อยสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งหมดทั้งสิ้น พลังแห่งการแผ่เมตตาบารมีนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่เป็นพลังแห่งพุทธานุภาพ เป็นพลังฝ่ายบุญกุศล การสวดมนต์ ไหว้พระนั่งสมาธิและแผ่เมตตาบ่อยๆ จะทำให้จิตมีความแข็งแกร่งพลังแห่งการแผ่เมตตาก็จะมีอานุภาพที่แรงครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางยิ่งขึ้นนั่นย่อมหมายถึงไปสู่สรรพสัตว์มากจำนวนยิ่งขึ้น ไม่ว่ามด ยุง แมลง ฯลฯ ล้วนต้องการและแสวงหาพลานุภาพแห่งเมตตาอย่างหิวโหย
เช่น ผู้ปฏิบัติธรรมบางคนพบว่ามีมดขึ้นมาเกาะบนกลดขณะที่กำลังที่ภาวนาอยู่จำนวนมากหรือมียุงมากัดจำนวนมากขณะนั่งสมาธิ แต่เมื่อเรากล่าวแผ่เมตตาให้แล้วพวกเขาเหล่านั้นก็จะจากไปของเขาเอง ไม่ทำร้ายไม่รบกวนเราอีกเหตุเพราะพวกเขาได้รับแล้วนั่นเอง
ลักษณะเช่นนี้จะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ครูบาอาจารย์ที่กล่าวไว้ว่าพวกมด ยุง แมลง นั้นพวกเราสามารถพูดกับเขาได้เมื่อเราทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ได้ทุกข์หลุดพ้นจากทุกข์ ช่วยให้สรรพสัตว์ได้สุขยิ่งๆขึ้นไปเราก็ได้อานิสงส์แห่งการนี้กลับคืนมา อานิสงส์เช่นนี้เป็นอานิสงส์ที่ก่อให้เกิดบารมีที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว
4.สามารถแผ่เมตตาช่วยคนเจ็บป่วยได้
นอกจากสรรพสัตว์และดวงวิญญาณทั้งหลายแล้วมนุษย์ทั่วไปที่นอนเจ็บป่วยทนทุกข์ทรมานก็สามารถรับอานิสงส์ของการแผ่เมตตาได้โดยให้เรากล่าวว่า ดังนี้
“ อานิสงส์ของการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิของข้าพเจ้าในวันนี้ ขอส่งให้ (ชื่อ-สกุล ผู้ป่วย)”
เพียงเท่านี้เองก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ป่วยมหาศาลโดยเฉพาะผู้แผ่เมตตาเป็นผู้มีบุญบารมีมากยิ่งก่อให้เกิดผลเร็วขึ้นแม้บางรายสังขารจะไม่ดี แต่ความทุกข์ทรมานจะลดลงจิตจะดี คนเราเมื่อจิตดีก็มีความสุข
อย่างไรก็ดีต้องทำความเข้าใจหลักของเวรกรรมแต่ละคนด้วยผู้ป่วยบางรายอาจยกเว้นไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์นี้ อันเนื่องมาจากอยู่ในภาวะชดใช้กรรมของเขาเองและอีกประการหนึ่งให้เข้าใจในเรื่องวิถีจิตของผู้ป่วยต้องเปิดด้วยถ้าจิตปิดก็รับไม่ได้แต่หากผู้ป่วยเป็นผู้ปฏิบัติธรรมแล้วก็จะยิ่งเกิดผลเร็วทันตาเห็น เพราะเขาเปิดประตูจิตไว้รออยู่แล้วนั่นเอง
ความเป็นสายเลือดสายโลหิตระหว่างผู้แผ่เมตตาและผู้ป่วยก็เป็นข้อยกเว้นพิเศษอีกเช่นกัน เพราะความเป็นสายเลือดเดียวกันการส่งอานิสงส์บุญกุศลจะยิ่งรวดเร็วที่สุดเกิดอานุภาพแรงที่สุดอีกเช่นกัน
เรียบเรียงโดย : เดอะซัน
อ้างอิง https://bit.ly/2s8gfQj