ฮ่องเต้องค์สุดท้ายฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์ โจว ชื่อว่า “ โจวโยวหวัง ” เป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ มักมากในกามคุณ จะเอาใจพระมเหสีชื่อ “ เปาสื้อ ” ซึ่งสวยปานเทพอัปสรมาเกิด แต่พระนางเอาแต่นั่งหน้าบึ้งไปวันๆ ไม่ยอมยิ้ม ฮ่องเต้พยายามหาวิธีการทุกอย่าง เอาคณะระบำ เอาการแสดงอะไรมาจะยั่วเย้าให้หัวเราะ พระนางก็นั่งเฉยเสีย

ฮ่องเต้จึงเอาใจโดยสั่งให้จุดไฟส่งสัญญานศึกขึ้นมาที่เนินเขาแต่ละลูก คนเฝ้าอยู่ที่ป้อมยามเป็นหอสูงพอที่จะเห็นสัญญาณไฟก็จะจุดไฟต่อๆ กันไปเป็นการแจ้งข่าวศึก เมื่อมีไฟขึ้นมาก็จะมีควันลอยขึ้นสูงจึงแจ้งข่าวไปได้อย่างรวดเร็วถึงแคว้นต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตร สมัยนั้นไม่มีวิทยุสื่อสารหรือโทรศัพท์มือถือ เมื่อมองเห็นสัญญาณไฟจะได้รีบยกกองทัพมาช่วยกันพอส่งสัญญาณศึกออกไป แว่นแคว้นต่างๆ ก็รีบส่งทหารกันมาเป็นแสนคน นึกว่าข้าศึกมาตีเมืองหลวงแล้ว 

ฮ่องเต้ก็พาพระมเหสีขึ้นไปนั่งดูบนกำแพงเมือง พอเห็นแต่ละเมืองเร่งรีบยกทัพมาที่เมืองหลวง ไม่มีศัตรูสักคน นายทัพทั้งหลายได้แต่ทำหน้างุนงง สับสนกันไปหมด ข้าศึกศัตรูอยู่ไหน ทำไมไม่มี บ้านเมืองก็ดูสงบเรียบร้อยดี

 แต่เรื่องเช่นเหมือนละครที่ดูน่าขัน ฮองเฮาจึงหัวเราะออกมาได้เป็นครั้งแรก ฮ่องเต้ก็ดีใจว่าทำให้นางยิ้มได้แล้ว ไม่คิดเลยว่าลำบากทหารนับแสนคนต่อมาไม่นานศัตรู “ ชาวฮวนนั้ง เตอร์ก ” ยกทัพมาตีเมืองจริงๆ เมื่อทางเมืองหลวงส่งสัญญาณไฟแจ้งข่าวศึก ก็ไม่มีใครส่งทหารมาช่วยด้วยโมโหที่โดนหลอกคราวก่อน ทำให้เมืองแตก “ โจวโยวหวัง ” ถูกปลงพระชนม์ ส่วน “ พระนางเปาสื้อ ” ถูกขายเป็นทาส สุดท้ายเสียเมือง ทำให้ราชวงศ์โจว อ่อนแอลงทันตา โกหกเพราะหวังเพียงยิ้มเดียวของนาง ของคนระดับฮ่องเต้ ทำให้เสียเครดิตจนเสียบัลลังก์ ตัวตาย เมืองแตก 

ทั้งหมดนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า “ อย่าดูเบาแม้เรื่องเล็กน้อย คนพูดจริง ทำจริงโลกย่อมสรรเสริญ

 ”จากหนังสือ "อย่ามโน รักแท้มันใหญ่มาก "ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

lifEandSoul