เมื่อนักศึกษาป.เอก ม.ฮาร์วาร์ดดูถูกพระพุทธเจ้า !!!
เรื่องเล่าจาก อจ. ต้น ... หลายปีก่อน ผมได้รับทุนสันติศึกษาจาก Rotary Foundationได้มาอบรมเชิงปฏิบัติการ 3 เดือน ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับผู้ที่ทำงานด้านสันติภาพจากทุกทวีปทั่วโลก ... http://winne.ws/n22069
หลายปีก่อน ผมได้รับทุนสันติศึกษา (Peace and Conflict Studies) จาก Rotary Foundation ได้มาอบรมเชิงปฏิบัติการ 3 เดือน ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับผู้ที่ทำงานด้านสันติภาพจากทุกทวีปทั่วโลก...ในปีนั้นมีผู้ได้รับการคัดเลือกอยู่ประมาณ 25 คน โดยผมได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนจากทวีปเอเชียครับ
เหตุผลที่ผมได้รับการคัดเลือกก็คือ เป็นอาจารย์สอนวิชาสันติภาพ ( Peace Studies) วิชานี้ผมได้แบ่งการสอนออกเป็น 4 ส่วน โดยส่วนที่ 4 ใช้ชื่อว่าสันติสุขภายใน (Inner Peace) ส่วนนี้ผมให้ความสำคัญมาก เพราะถ้านักศึกษามีสันติสุขจากข้างในได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน นักศึกษาจะสร้างสันติภาพภายนอกได้แน่นอน นั่นคือการช่วยจรรโลงสังคมนี้ ประเทศนี้ และโลกใบนี้ให้น่าอยู่...ยิ่งขึ้น
ในส่วนที่ 4 นี้ ผมให้นักศึกษาได้ใช้จินตนาการ นึกถึงความสุข ความสว่าง พระอาทิตย์ยามเที่ยงวันไว้ที่กลางท้อง...ปรากฏว่านักศึกษาหลายคนมีประสบการณ์ใจหยุด ใจนิ่ง บางคนเห็นพระอาทิตย์สว่างในท้อง พอให้ลืมตาขึ้น ทุกคนมีรอยยิ้มออกมาจากใจ ใบหน้าดูสดชื่นขึ้นมาทันที...บรรยากาศในห้องเรียนดูอบอุ่นมาก เหมือนมีพลังความรักและเมตตาอัดแน่นอยู่ในห้องเรียนนั้น...
ในฐานะอาจารย์สันติภาพ ผมประสบความสำเร็จแล้วครับ โดยไม่ต้องมีใครมาให้รางวัลเลย เพราะรางวัลของผมอยู่บนใบหน้าของลูกศิษย์ที่มีความสุขแล้วนั่นเอง...
กลับมาที่จุฬาลงกรณ์ ท่ามกลางบรรยากาศนานาชาติ แต่ละคนจีเนียส และเก่งกาจมากๆ ผมได้จัดคอร์สสั้นๆ ให้นักสันติภาพเหล่านั้น นั่งสมาธิ โดยให้จินตนาการถึงพระจันทร์ดวงกลมสว่างกลางท้อง....แทบไม่น่าเชื่อ ฝรั่ง ชาวผิวสี คนต่างชาติมีประสบการณ์ภายในกันเยอะมาก...บางคนตัวลอย บางคนตัวหาย บางคนใจรวมหยุดนิ่ง และสุขล้นออกมาบนใบหน้า...
ในค่ำวันนั้น มีนักศึกษาปริญญาเอกจากประเทศฝรั่งเศสที่ได้รับทุนPeace and Conflict Studies เช่นเดียวกันสงสัยในพระพุทธศาสนา เธอนั้นกำลังศึกษาที่ Harvard University มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก...เธอถามผมที่หอพักว่า
โทนี ทำไมพระพุทธเจ้าของเธอ...ถึงเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย...ทำไมพระพุทธศาสนาสอนแต่เรื่องความทุกข์ ทำให้ฉันจิตใจห่อเหี่ยวเหลือเกิน เธอช่วยทำให้ฉันเข้าใจในศาสนาของเธอที..."
ตอนนั้นผมนึกอะไรไม่ออก เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดเร็วมาก และต้องตอบเธอเป็นภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเรื่องละเอียดอ่อนอีก...จะปล่อยผ่านก็ไม่ได้ เพราะเธอจะติดวิบากกรรมดูถูกพระพุทธเจ้า....เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงเอาใจจรดศูนย์กลางกายทันที อาราธนาบารมีธรรมของครูบาอาจารย์ให้ช่วยผมแก้ต่างในครั้งนี้ให้ได้...แทบไม่น่าเชื่อครับ คำตอบผุดขึ้นมาในใจทันที เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น...ผมรู้สึกมั่นใจในคำตอบเหลือเกิน....ผมจึงถามเธอไปว่า...
ตั้งแต่เธอเกิดมาวันแรก เธอร้องไห้ หรือหัวเราะ..." เธอตอบมาพร้อมกับยักไหล่แบบฝรั่งที่มั่นใจว่า "แน่นอนโทนี ฉันร้องไห้...ตามธรรมชาติ"
แล้วหลังจากร้องไห้ครั้งแรก จนถึงทุกวันนี้ วันที่เธอยืนคุยกับฉัน เธอจำได้ไหม ว่าร้องไห้มากี่ครั้งแล้ว....เธอเริ่มนับ เธอพูดตะกุกตะกักแล้วตอบว่า "มากมาย ฉันนับไม่ได้"...ผมถามเธอต่อไปว่า แล้วนับจากนี้จนถึงวันที่เธอต้องจากโลกนี้ไป เธอจะต้องร้องไห้อีกกี่ครั้ง....เธอหันมาสบตาผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า "อีกนับไม่ถ้วน"....นี่ไง พระพุทธเจ้าของฉัน จึงสอนมนุษย์ว่าชีวิตนี้มันทุกข์ ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตายกับเรื่องราวต่างๆ...และท่านไม่เพียงสอนว่าชีวิตนั้นทุกข์ แต่ท่านสอนวิธีพ้นทุกข์ตลอดไปอีกด้วย...
ถึงตอนนี้ เพื่อนฝรั่งคนนี้เริ่มจะร้องไห้ครับ...เธอถามมาอีกว่า "พ้นทุกข์ตลอดไปมีด้วยหรอ" .... ผมตอบกลับไปว่า
มีจ้า นั่นคือเป้าหมายปลายทางของพุทธศาสนา เรียกว่าดินแดนพระนิพพาน...เธออยากไปไหม"....เธอตอบกลับมาก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมามากมายว่า "โทนี พาฉันไปนิพพานที"
หลังจากนั้นผมก็ได้พาเธอและเพื่อนชาวตุรกีที่เก่งกาจด้านเศรษฐศาสตร์มากราบพระอาจารย์ที่วัด เพื่อมาเรียนรู้เรื่องหยุดใจ เรียนรู้ที่จะไปพระนิพพาน...
จากความทรงจำ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
30 มค 60 (วันนี้เมื่อปีที่แล้ว)
ขอขอบคุณ : อาจารย์ต้น